ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั่งบัลลังก์ไต่สวน บอกกับคุณชัชชาติ การกู้เงินไม่สามารถจะนำมาใช้ได้ทันที จึงเห็นว่ารถไฟความเร็วสูงยังไม่จำเป็นสำหรับไทย และเป็นไปได้ควรให้ถนนลูกรังหมดไปจากประเทศก่อน
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ บอกกับคุณชัชชาติ การกู้เงินไม่สามารถจะนำมาใช้ได้ทันที จึงเห็นว่ารถไฟความเร็วสูงยังไม่จำเป็นสำหรับไทย และเป็นไปได้ควรให้ถนนลูกรังหมดไปจากประเทศก่อน
คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยาน ในคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ว่า ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ หรือ ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือ ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่
ช่วงหนึ่งของการไต่สวนพยาน คุณสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นส่วนตัว ขณะที่ซักถามถึงความจำเป็นการออกตรา ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท กับ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่เข้าเบิกความต่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำเป็นหรือไม่ที่จะมีรถไฟความเร็วสูงจาก กรุงเทพฯไป เชียงใหม่
คุณสุพจน์ ยังบอกว่า ความเห็นส่วนตัวเป็นห่วงถึงการกู้เงิน อาจเป็นการสร้างภาะหนี้ให้กับลูกหลานหลังจากนี้ และบอกกับคุณชัชชาติว่า เป็นรัฐมนตรีในตำแหน่งมาแล้วก็ไป ดังนั้นการกู้เงินไม่สามารถจะนำมาใช้ได้ทันที จึงเห็นว่ารถไฟความเร็วสูงยังไม่จำเป็นสำหรับไทย และเป็นไปได้ควรให้ถนนลูกรังหมดไปจากประเทศก่อน
ส่วนคุณเฉลิมพล เอกอุรุ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถามกับคุณชัชชาติว่า ร่างพ.ร.บ.นี้ สนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่ โดยคุณชัชชาติ ก็ให้คำตอบว่า สนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียง เพราะการสร้างรถไฟความเร็วสูงจะทำให้เกิดการกระจายรายได้ สู่ชนบท ลดความเหลื่อมล้ำ
ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีคำวินิจฉัย ด้วยเสียงข้างมากว่า การที่ คุณสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา คุณนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา และสมาชิกรัฐสภา 381 คน ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่จำกัดอำนาจรัฐสภาในการให้ความเห็นชอบการทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศของฝ่ายบริหาร เข้าข่ายเป็นการกระทำที่ล้มล้างการปกครองและกระทำการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 68
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้แล้ว ทางพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมจะระดมรายชื่อประชาชน 2 หมื่นคน เข้าชื่อเพื่อร้องต่อประธานวุฒิสภาให้ส่งเรื่องไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อให้ชี้มูลและส่งเรื่องให้วุฒิสภา ดำเนินการถอดถอนต่อไป