นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมชุมนุมในรูปแบบแฟลชม็อบ ที่สกายวอล์ค หน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เย็นวันนี้ เป็นเพียงการชุมนุมแฟลชม็อบ ที่ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และเห็นว่าเป็นสถานที่สาธารณะที่ประชาชนสามารถเดินได้สะดวก ยืนยันว่าไม่ได้อาศัยการจัดคอนเสิร์ตในพื้นที่ใกล้เคียงมาเป็นกระแส
นายธนาธร ให้เหตุผลถึงการนัดชุมนุมในครั้งนี้ว่า ปัญหานี้เกิดจากกลุ่มคนที่ยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ไม่ยอมให้ระบบรัฐสภาเดินหน้าทำงานได้อย่างปกติ จึงเป็นต้นตอของปัญหาความขัดแย้ง ยืนยันว่าการชุมนุมในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะได้เชิญชวน ประชาชนที่ไม่ยอมทนต่อระบอบสืบทอดอำนาจมาแสดงตนร่วมกัน และไม่ใช่เรื่องของอนาคตใหม่ แต่เป็นเรื่องของอนาคตสังคม ส่วนจะทำให้เกิดความขัดแย้งแบบที่เกิดขึ้นในฮ่องกงหรือไม่นั้น ยืนยันว่าเราไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง เป็นเพียงการแสดงตน แสดงความไม่พอใจต่อระบอบการสืบทอดอำนาจ ครั้งที่ 1 เท่านั้น ส่วนที่มีการมองว่าการชุมนุมจะเป็นชนวนความขัดแย้ง ขอถามกลับว่า วันนี้ความขัดแย้งนั้นจบไปแล้วหรือ เพราะที่ผ่านมาความขัดแย้งยังไม่จบ และจะยังไม่จบจนกว่าเราจะได้ประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะได้มาจัดสรรว่าฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ศาล และองค์กรอิสระ ควรจะมีอำนาจมากเท่าไหร่ ยืนยันว่า 5 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่ความสงบ แต่เป็นการกดขี่
"เราต้องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง การปฏิรูปคือการจัดสรรอำนาจ แต่การปฏิรูปหรือการรัฐประหารทุกครั้งที่ผ่านมา สิ่งที่เขาทำเป็นการดึงอำนาจเข้าหาตัวเอง ทำให้ประเทศไทยไม่เดินไปข้างหน้า ถึงเวลาแล้ววันนี้ที่เราต้องหาข้อตกลงร่วมกัน ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคม การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดทางเดียวที่เหลืออยู่ในสังคมไทยสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเพียง 2 ทาง คือแก้ด้วยเลือด หรือแก้ด้วยการยินยอมพ้องใจกันของทุกฝ่าย" นายธนาธร กล่าว
ขอประชาชนร่วมส่องมือที่ 3
นายธนาธร เปิดเผยว่า ขณะนี้อาจมีกลุ่มคนที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า เพื่อให้เป็นเงื่อนไขของฝ่ายเผด็จการ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนที่ออกไปแสดงตนวันนี้ช่วยกันสอดส่องดูแล อย่าให้เกิดความรุนแรง อย่าไปหลงเชื่อ เพราะการชุมนุมไม่ใช่ความรุนแรง แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เช่นเดียวกับการตั้งเวทีต่อต้านลัทธิชังชาติของนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม จากพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่จัดในวันนี้เช่นกัน มองว่า การตั้งกลุ่มใดๆ ขึ้นมา เพื่อสร้างความเกลียดชัง ถือเพศเป็นอาหารอันโอชะของระบอบรัฐประหาร เป็นความพยายามที่จะเอาอดีตมาฉุดรั้งอนาคต
ส่วนการเตรียมความพร้อมสู้คดียุบพรรคอนาคตใหม่นั้น ไม่ได้เตรียมตัวอะไร เพราะปากกาและอำนาจการวินิจฉัยอยู่ที่พวกเขา ใหม่และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ เราพร้อมที่จะต่อสู้ทุกรูปแบบ จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา
ส่วนกระแสข่าวที่มีการเตรียมพรรคสำรองและให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะพรรคยังไม่โดนยุบ และนายธนาธร ยังเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม