วันที่ 29 ก.ย. 2565 ที่วัดเทวสุนทร (สุนทริการาม) เขตจตุจักร ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ตรวจสอบการเร่งระบายน้ำคลองเปรมประชากร โดยมี อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมลงพื้นที่ด้วย
โดย ชัชชาติ กล่าวว่า ในส่วนของคลองเปรมประชากรที่ตัดกับคลองบางเขน บริเวณวัดเทวสุนทร ระบายน้ำจากด้านเหนือของกรุงเทพฯ ได้แก่ เขตดอนเมือง เขตหลักสี่ ลงสู่ด้านล่าง โดยมีคลองบางเขนระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตรตัดกัน เพื่อระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้บริเวณคลองบางเขนที่ตัดกับคลองเปรมประชากร มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 30 นิ้ว จำนวน 2 ตัว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเร่งระบายน้ำจากคลองเปรมประชากรเข้าสู่คลองบางเขน ออกแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสะพานพระราม 7 ซึ่งคลองบางเขนจะเป็นคลองที่ใช้ช่วยลดระดับน้ำของคลองเปรมประชากรได้ และยังช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมชุมชนย่านวัดเทวสุนทรอีกด้วย ส่วนที่คลองบางซื่อ ขณะนี้ได้ติดตั้งตัวไม้ไผ่ทำแนวกั้นบังคับทิศทางน้ำ เพื่อล้วงน้ำเข้ามาลงสู่อุโมงค์บางซื่อ
สำหรับวันนี้โชคดีที่ยังไม่มีฝนตกหนักมาก ในช่วงเช้ามีฝนตกประมาณ 70 มม.ที่เขตสายไหม และฝนตก 50 มม.ที่เขตลาดกระบัง ซึ่งกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เป็นพื้นที่ที่ถูกกดดันเยอะ เนื่องจากมีน้ำทุ่งเสริมมามาก และมีน้ำมาจากเขตหนองจอกและเขตมีนบุรีอีกด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาในขณะนี้ มีระดับน้ำที่สูงขึ้น เพราะมีการปล่อยน้ำเหนือมาจากด้านเหนือของแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 2,800 ลบ.ม.ต่อวินาที และจะมีการปล่อยน้ำเพิ่มเติมมาอีกเนื่องจากพื้นที่ด้านเหนือของกรุงเทพฯ มีฝนตกมากขึ้น เช่น ทางรังสิต ปทุมธานี ซึ่งมีฝนตกแผ่ขยายทั้งพื้นที่ ดังนั้นกทม. จึงต้องเร่งระบายน้ำในคลองเป็นหลัก โดยได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเครื่องปั๊มน้ำจากกรมทรัพยากรน้ำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเป็นความร่วมมือกันเพื่อจะแก้ปัญหาให้ประชาชนในกรุงเทพฯ รวมถึงการดูแลในเรื่องของการจัดการขยะที่กีดขวางทางระบายน้ำอีกด้วย ซึ่งกทม.จะทำงานเต็มที่และขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่กทม.ที่ปฏิบัติหน้าที่เร่งระบายน้ำในขณะนี้ด้วย สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนในภาคอีสาน เนื่องจากจังหวัดอุบลราชธานีมีฝนตกหนักกว่า 200 มม.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565 เพื่อรับทราบผลการดำเนินการ รวมถึงสร้างความเข้าใจในการขับเคลื่อนโครงการฯ รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการฯ และรับทราบแนวทางนโยบายจากผู้แทนโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า การประชุมวันนี้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พันธุ์พืช ปัจจุบันครอบคลุมถึงทรัพยากรต่าง ๆ วัฒนธรรม และการนำไปต่อยอด กทม. มีคณะกรรมการขับเคลื่อนเรื่องนี้ ต้องให้ความสำคัญกับทรัพยากรเรื่องพันธุ์พืช ซึ่งได้รับความสนใจและเป็นทรัพย์สมบัติของเมือง สามารถต่อยอดและสร้างมูลค่าได้ กทม. ต้องพัฒนาแผนและดำเนินการตามแผนหลักที่ดำเนินการอยู่ทั่วประเทศ เมื่อมีผลคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป