พรรคเพื่อไทยประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเป็นประธานการประชุม เพื่อรับรองรายงานการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2561 รับรองงบการเงินประจำปี 2557-2561 พิจารณาผลการดำเนินงานของพรรคในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งกำหนดแผนกิจการของพรรคในปี 2562 โดยไม่มีวาระเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แต่อย่างใด แม้จะมีกระแสข่าวจากสื่อมวลชนบางสำนักว่าจะมีการแต่งตั้งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยว่าที่ ส.ส. ที่มาร่วมงานต่างพูดกันว่ายังไม่ถึงเวลาเพราะต้องรอให้ กกต.ประกาศผลเลือกตั้งก่อน
โดยพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค กล่าวก่อนเริ่มประชุมว่า ผลจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ขอขอบคุณผู้สมัคร ผู้ใหญ่ของพรรค รวมถึงกรรมการบริหาร ที่ช่วยให้การดำเนินการเลือกตั้งผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แม้อาจจะไม่บรรลุตามเป้าหมาย เนื่องจากการใช้กลไกอำนาจของรัฐ และกฎระเบียบที่ไม่เป็นธรรม แต่ผลที่ออกมาก็น่าพอใจระดับหนึ่ง
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของไทย ที่ผ่านไปกว่า 1 เดือน แต่ยังไม่ทราบผลการเลือกตั้งอย่างชัดเจน ทั้งที่บางประเทศมีประชากรมากกว่า แต่รายงานผลภายใน 6 ชม.
ภายหลังการประชุมพรรคได้เปิดให้ว่าที่ ส.ส. และสมาชิกพรรคเข้ารดน้ำดำหัว พล.ต.ท.วิโรจน์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย นายเสนาะ เทียนทอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เนื่องในเทศกาลสงกรานต์
จากนั้นนายภูมิธรรม แถลงผลประชุมว่า ที่ประชุมได้พูดคุยยืนยันรักษาความไว้วางใจที่ประชาชนได้ให้ความไว้วางใจและรักษาประเพณีการปกครอง พรรคที่ได้รับไว้วางใจควนได้รับการเป็นแกนนำจัดจะตั้งรัฐบาล ขณะนี้มีการใช้สถานการณ์ว่าตัวเองจะจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นการฝืนประเพณีการปกครแง เราไม่เคยมีพรรคอันดับ 2 แย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลแม้จะหยิบยกคะแนนนิยมมาใช้ อีกทั้งสถานการณ์ปัจจุบันมีปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญและกติกาทำให้ได้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลหลังเลือกตั้งทำให้กระทบความเชื่อมั่นของประเทศซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงใย
“ภาวะเศรษฐกิจของโลกจะมีผลกระทบค่อยๆทรุดโทรม ปัญหานี้จะทำให้กระทบความเชื่อมั่นของประเทศ ที่ประชุมได้ประเมินมีข้อสรุปว่า พรรคประกาศชัดเจนว่าการเดินไปข้างหน้าจะยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคไม่เปลี่ยนแปลงการเมืองไม่ได้มีแค่การเลือกตั้ง จากนี้ไปจะเป็นหน้าที่ของพรรคการดทืองคลี่คลายปัญหาประชาชน ได้กำหนดพันธกิจให้สมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรคยังทำหน้าที่ตัวเองต่อไปและเมื่อมีการประกาศผลเลือกตั้ง พรรคพร้อมเป็นแกนนำรัฐบาล ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็จะทำหน้าที่ในฐานะพรรคการเมืองหาทางคลี่คลายบทบาทพรรคการเมืองด้วยการดึงความมีส่วนร่วมให้ประชาชน” นายภูมิธรรม ระบุ
นายภูมิธรรม ระบุ ถ้าหากปล่อยให้ประเทศมีปัญหาตามกฎกติกาให้เห็นว่าระบบจะมีปัญหา อินโดนีเซียมีประชากรมากกว่าไทยแต่ประกาศผลใน6 ชั่วโมง อินเดียประกาศผลได้ใน 2 สัปดาห์ ตอนนี้เกือบเดือนยังไม่สามารถสรุปเกี่ยวกับการคำนวณ ส.ส.ได้ ดังนั้นกติกาและรัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรค พรรคจะร่วมมือกับประชาชนให้ประเทศหลุดพ้นกรอบ ที่ประชุมได้รายงานต่อพรรคว่ากำลังจัดตั้งสาขาพรรคทุกเขตเลือกตั้งเพื่อรองรับสถานการณ์ทางการเมือง อีกทั้งสมาชิกเห็นว่าจะรวบรวมผลการเลือกตั้งข้อผิดพลาดบกพร่องการเลือกตั้งนำมาเสนอให้ประชาชนเห็นว่ากลไกที่มีอยู่เป็นปัญหาของการเมืองไทยทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นอย่างลำบาก
ถามว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นฝ่านค้าน นายภูมิธรรม ระบุว่า เรายืนยันเจตนารมณ์ประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลจากความไว้วางใจอย่างเต็มที่ แต่กลไกนี้ยังไม่รู้หน้าตาของ ส.ว. กระบวนเลือกตั้งเป็นการให้เกียรติประชาชนที่เลือกมา และยืนยันยังไม่ได้คิดตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพราะยังต้องรอ กกต. ให้ทำหน้าที่ตัวเองอย่างเคร่งครัดและกระบวนการจากนั้นจะจัดตั้งรัฐบาลหากเป็นไปอย่างกระบวนการ เราเป็นพรรคอันดับ1 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล วันนั้นเสียงก้ำกึ่ง มีแต่พรรคผู้มีอำนาจประกาศพร้อมจะเป็นรัฐบาล แต่ 7 พรรคจะจับมือไม่สนุบสนุนสืบทอดอำนาจ หากจะแย่งชิงอำนาจต้องใช้กระบวนการนอกระบบด้วยการซื้องูเห่า งูจงอาง หากใครทำเช่นนั้นจะมีผลต่อการตัดสินใจในวันข้างหน้า ตนยังมั่นใจ7 พรรคการเมืองจะจับมืออย่างแข็งแรง โดยเฉพาะพรรคเศรษฐกิจใหม่ของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคยังรักษาเจตนารมณ์ไม่เห็นการสืบทอดอำนาจ ส่วนรัฐธรรมนูญก็เอื้อให้การเกิดการแย่งชิงส.ส. ถือว่าไม่สง่างามถือเป็นน่ารันทด
นายภูมิธรรม ยืนยันจุดยืนเดิมให้กระบวนประชาธิปไตยได้ทำงาน การเสนอรัฐบาลแห่งชาติเป็นการเสนอเพื่อหาทางลัดขั้นตอนไม่มีความเหมาะสม ถ้ากลไกปกติไม่ทำงานหากมีปัญหาค่อยมาหาทางดูการแก้ไข เรายังเชื่อระบบปกติทำงานได้ไม่ใช่การฝืนเจตนารมณ์บนพื้นฐานการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ถ้าไม่ประกาศผลเลือกตั้งในวันที่ 9 พ.ค. ถือว่า กกต. กล้าหาญพร้อมเผชิญและต้องรับผิดชอบ และต้องพิจารณาตัวเอง
เมื่อถามว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องข��ง กกต.ในประเด็นการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายภูมิธรรม ระบุว่าไม่สามารถตอบแทนศาลได้ แต่ถ้าวินิจฉัยไม่ตรงสอดรับตามความเป็นจริงองค์กรนั้นจะสร้างความเสื่อม ถ้าตั้งบนความเที่ยงตรงปัญหาของประเทศจะได้รับการคลี่คลาย
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ศาลจะรับคำร้องดังกล่าวเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น สิ่งที่วินิจฉัยก่อให้เกิดปัญหาขัดแย้ง ศาลไม่มีหน้าที่อธิบายรัฐธรรมนูญว่าควรแนะนำอย่างไร โดยศาลมีหน้าที่ว่าการตัดสินใจอำนาจหน้าที่นั้นเป็นปัญหาหรือไม่เพราะขณะนี้กกต. ไม่ตัดสินใจจะนับคะแนนบัญชีรายชื่ออย่างไร แต่กลับถามศาลว่าถ้าทำอย่างนั้นจะขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังไม่ใช่ความขัดแย้ง หากดูบรรทัดฐานน่าจะเป็นปัญหา และเห็นว่าไม่ควรรับคำร้องของ กกต.