วันที่ 24 มี.ค. 2563 กระทรวงสาธารณสุขแถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันนี้ พบผู้ป่วยเพิ่ม 106 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 827 ราย แบ่งผู้ป่วยได้ 2 กลุ่มคือ
นอกจากนี้ยังมีรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมจากการติดเชื้ิอโควิด-19 เพิ่มอีก 3 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายที่ 1 เป็นชายไทยอายุ 70 ปี เคยป่วยเป็นวัณโรค และตลอดการรักษาใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา, รายที่ 2 ชายไทยอายุ 79 ปี ได้รับเชื้อจากการเดินทางไปสนามมวย และมีอาการหนักตั้งแต่แรกรับ, ส่วนผู้เสียชีวิตรายสุดท้าย เป็นชายอายุ 45 ปี มีประวัติเป็นเบาหวาน และโรคอ้วนร่วมด้วย
สรุปยอดประจำวันนี้ มีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 106 ราย ยอดสะสมตอนนี้ 827 ราย รักษาหายแล้วสามารถกลับบ้านได้ 57 ราย อยู่ในการรักษา 766 ราย อาการหนัก 4 ราย และเสียชีวิต 4 ราย ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำข้อมูลสถานที่ชุมนุมชนที่มีประกาศให้ผู้เกี่ยวข้องเฝ้าระวังตนเองใน 25 แห่ง ใน 7 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี, ขอนแก่น, กทม., สงขลา, นครราชสีมา, นนทบุรี และสุรินทร์ โดยผู้ที่อยู่ในสถานที่ และช่วงเวลาตามประกาศ ขอให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ได้แก่ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด, ผู้ว่าราชการจังหวัด, ผอ.โรงพยาบาล, นายอำเภอ, สาธารณสุขอำเภอ, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, อสม.,
ผู้นำชุมชนทันที และให้กักกันตนเองและสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วันอย่างเคร่งครัด หากมีไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจให้รีบพบแพทย์ทันที ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลประกาศสถานที่พบผู้ป่วยโควิด-19 ได้ที่ เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค และเพจ“ไทยรู้ สู้โควิด”
ขอย้ำเตือนประชาชน ช่วยกันรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เว้นระยะห่างระหว่างกัน 1 -2 เมตร งด/ลด การเดินทางโดยไม่จำเป็น ไม่ไปในพื้นที่แออัด แยกสำรับอาหารไม่ใช้ช้อน ถ้วย ชาม แก้วน้ำร่วมกัน หากมีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้สวมหน้ากากอนามัยไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติเสี่ยง ขอให้ทุกคนร่วมมือกันเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไปในวงกว้าง ลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ให้มีน้อยที่สุด
โดยทางกระทรวงสาธารณสุข นั้นเน้นย้ำประชาชนให้รักษาระยะห่างทางสังคม 1-2 เมตร ขอให้งด และลดการเดินทาง ไม่เดินทางไปในสถานที่แออัด งดใช้สิ่งของร่วมกันแยกอุปกรณ์การใช้ในชีวิตประจำวัน
ส่วนการจัดงานศพ นั้นไม่ต้องกังวลว่า จะมีการแพร่เชื้อ เนื่องจากผู้เสียชีวิตไม่สามารถแพร่เชื้อไวรัสได้ ญาติสามารถจัดงานได้ตามปกติ และสามารถไปร่วมงานได้เพียงแต่ต้องยึดหลักการเว้นระยะห่างทางสังคมหรือ Social Distancing ไม่อยู่ใกล้ชิดกันเกินระยะ 1-2 เมตร