รายงานระบุว่า เหตุระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นที่บริเวณป้ายรถเมล์ ใกล้กันกับทางเข้ากรุงเยรูซาเลม เมื่อช่วงเวลาประมาณ 7.04 น.ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 11 ราย และเสียชีวิต 1 รายในเวลาต่อมา
หลังจากนั้น เกิดเหตุระเบิดครั้งที่ 2 ณ บริเวณแยกรามอต เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาเมื่อเวลาราว 7.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากสถานที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดครั้งที่ 2 มีอาการบาดเจ็บไม่รุนแรงมากนัก
โฆษกตำรวจอิสราเอลเปิดเผยอีกว่า เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพบว่าอุปกรณ์ระเบิดที่เป็นต้นเหตุการระเบิดทั้ง 2 ครั้ง ถูกนำมาวางในสถานที่เกิดเหตุ
ในจุดเกิดเหตุระเบิดครั้งแรก ภาพจากผู้สื่อข่าวแสดงให้เห็นเศษซากจากการระเบิดที่เกลื่อนพื้น และรถเมล์ที่จอดอยู่ พร้อมกับรูเจาะแตกบริเวณกระจกและบังลม ซึ่งได้รับผลกระทบจากแรงระเบิด นอกจากนี้ ราวโลหะรอบป้ายรถเมล์ยังได้รับความเสียหายเช่นกัน โดยสถานที่เกิดเหตุถูกปิดล้อมไว้โดยเจ้าหน้าที่แล้ว
เจ้าหน้าที่กู้ภัย 2 คนจาก มาเกน เดวิด อาดอม หน่วยงานในเครือสภากาชาดของอิสราเอล กล่าวว่า เมื่อพวกตนมาถึงป้ายรถเมล์ที่เกิดเหตุระเบิด พวกตนพบว่ามีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 รายนอนอยู่บนพื้นถนน
“เราอยู่ที่สถานี MDA บริเวณทางเข้าเมือง เมื่อเราได้ยินเสียงระเบิดครั้งใหญ่” เจ้าหน้าที่กู้ภัยกล่าว “เรามุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุทันที ด้วยกำลังจำนวนมาก รวมทั้งรถพยาบาล MICU (หน่วยดูแลผู้ป่วยวิกฤตแบบเคลื่อนที่) และรถกู้ภัย” เจ้าหน้าที่กล่าวเสริมอีกว่า “มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 รายนอนอยู่ใกล้ๆ กัน มีเด็กอายุ 16 ปีอยู่ในป้ายรถเมล์ และผุ้ได้รับบาดเจ็บอายุ 45 ปีอยู่บนทางเท้า”
สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเยรูซาเลม ออกมาประณามเหตุระเบิดในครั้งนี้ว่าเป็น “การโจมตีของผู้ก่อการร้ายในสถานที่สาธารณะอย่างรุนแรงที่สุด” ก่อนกล่าวเสริมว่า “การก่อการร้ายเป็นทางตันที่ไม่ได้นำไปสู่อะไรเลย”
ที่มา: