เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน , น.อ.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย , นายสุทิน คลังแสงประธานวิปฝ่ายค้าน , นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น เข้ายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดยจะมีรัฐมนตรีถูกอภิปรายทั้งสิ้น 6 คน ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ในเอกสารของพรรคฝ่ายค้านระบุข้อกล่าวหาของรัฐมนตรีทั้ง 6 คน ดังต่อไปนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล้มล้างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรมละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพของบุคคลอย่างกว้างขวางเป็นผู้นำประเทศที่กร่างเถื่อนมองคนเห็นต่างเป็นศัตรู
ปิดปากผู้ที่มีความเห็นต่างชอบก่นด่า เมื่อถูกซักถาม เมื่อได้อำนาจมาโดยไม่ชอบต้วยรัฐธรรมนูญก็สร้างกลไกในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อมุ่งสืบทอดอำนาจของตนเองปล่อยให้มีการทุจริตต็มบ้านเต็มเมืองใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวารและพวกพ้องเข้าข้างคนชั่วที่เป็นพวกโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวมบริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถ ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรงขาดคุณธรรมจริยธรรม แทรกแซงการปฏิบัติหน้ที่ของข้ราชการประจำ และองค์กรในกระบนการยุติธรรมเรียกได้ว่าเป็นยุคยุติธรรมหมดตรง บังคับใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักความเสมอภาคไม่คารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญไม่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจตัวยความซื่อสัตย์สุจริตเสียสละ เปิดเผย ไม่มีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม
มีการกระทำอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติทุจริตต่อหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ใช้งบประมาณของรัฐสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเองและพรรคการเมืองโดยมิได้คำนึงถึงภาระด้านงบประมาณของประทศเบ็นยุคที่เงินกำลังจะหมดคลัง ไม่ยึดตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ลุแก่อำนาจขาดภาวะผู้นำไม่เสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมผาสุก และสามัคคีปรองดองกันแต่กลับสร้างความขัดแย้งให้ขยายวงกว้างล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการดูแลด้านเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดผลกระทบทางศรษฐกิจกับประชาชนทุกภาคส่วนจนก่อให้เกิดสภาพ "รวยกระจุกจนกระจาย"
ประชาชนสิ้นหวังให้ความสำคัญกับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่าปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนล้มเหลวในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลอกลวงประชาชนไม่ทำตามนโยบายที่พรรคการมืองที่สนับสนุนตนหาเสียงไว้ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ราคาพืชผลทางการเกษตรและลดภาษีเงินได้ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ การบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งผลกระทบและความเสียหายแก่ประเทศชาติ และประชาชนอย่างกว้างขวางเป็นยุคที่ทุจริตเฟื่องฟู น้ำกำลังจะหมดเขื่อน มวลอากาศเป็นพิษเต็มเมือง เศรษฐกิถดถอยอย่างรุนแรงหากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนประเทศถึงแก่ความล่มจมได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหนัาที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนองและพวกพ้อง ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรมนูญหรือกฎหมายฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรงล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพขาดคุณธรรมและจริยธรรมมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ฉัอฉลใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบตัวยกฎหมายสำหรับตนเอง บริวารและพวกพ้องกลั่นแกลังข้าราชการประจำก้าวก่ายแทรกแซงกาปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้องปล่อยปะละละเลยให้มีการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างกว้างขวางจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรมนูญและกฎหมาย ละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมายใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านกฎหมายได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ เข้าไปก้าวก้ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรในกระบวนการยุติธรรมเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายด้านการเงิน แก่รัฐจำนวนมาก บังคับใช้และตีความกฎหมายโดยไม่ยืดหลักการ และบรรทัดฐาน ที่ถูกต้องจนทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องของอภินิหาร ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและองค์กรอิสระ และไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
นายดอน ปรมัตวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรงล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพขาดคุณธรรมและจริยธรรมมีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยมิใช่อำนาจหน้าที่ของตนตามที่กฎหมายบัญญัติแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปตามครรลองที่กำหนดไว้ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทข้ามชาติส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นำพาชาติเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ปิดท้ายด้วย "คนเลี้ยงลิง" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรงล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรมไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญทำตัวเป็นผู้มีอิทธิผลปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง