เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้ร่วมกับเทศบาลตำบลสามเมือง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา และองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า อ.บางเลน จ.นครปฐม กรมชลประทาน และ เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา จัดโครงการ ‘สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม’ เพื่อสร้างเม็ดเงินให้กับชาวบบ้านในชุมชน และได้ร่วมกันกำจัดผักตบชวาในพื้นที่ดังกล่าว
โดยมีนายวัชระ กระแสร์ฉัตร์ นายอำเภอลาดบัวหลวง จ. พระนครศรีอยุธยา นายประเทือง วิลัยพฤกษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามเมือง นางสาวปัญจพัฒน์ เกียรติไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า นายสุชิน อิงคะประดิษฐ์ ผู้บริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และคณะผู้บริหาร ร่วมกันเปิดโครงการ พร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาจาก 3 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กับชาวบ้านในพื้นที่รวมทั้งหมด 150 คนดำเนินกิจกรรมกำจัดผักตบชวาในพื้นที่ 2 จังหวัดดังกล่าว
สำหรับพื้นที่ที่กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาและชาวบ้านร่วมกันกำจัดผักตบชวาเก็บกวาดลอกทิ้งไป เพื่อไม่ให้เป็นวัชพืชกีดขวางทางน้ำไหลในคูคลอง อันเป็นต้นเหตุของปัญหาน้ำท่วมในแต่ละปี มีพื้นที่คลองพระยาบรรลือ หมู่บ้านหนองปลาหมอ ต.สามเมือง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยาและคูคลองต่างๆในพื้นที่ตำบลบัวปากท่า อ.บางเลน จ.นครปฐม
โดยนอกจากจะได้ลำคลองหนองบึงที่สะอาดปราศจากผักตบแล้ว กิจกรรมนี้ยังเป็นการช่วยให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมกันดูแลชุมชนของตนเองอีกด้วยและผักตบทั้งหมดที่ลอกขึ้นมานั้น ทางเทศบาลและอบต.ที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นๆ จะมอบให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จักสานจัดจำหน่าย บางส่วนจะนำไปทำเป็นปุ๋ยต่อไป
โดยชาวบ้านที่เข้าร่วมกิจกรรมกำจัดผักตบชวาในสองจังหวัดนี้จะได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 200 บาทต่อวัน ข้าวสารตราพันดีขนาด 5 กิโลกรัม 1 ถุง และน้ำดื่มสิงห์ขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 1 แพ็ค
ด้าน นางสาวปัญจพัฒน์ เกียรติไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า กล่าวว่าผักตบชวามีส่วนสำคัญที่ทำให้คูคลองซึ่งเป็นที่ระบายน้ำตื้นเขิน และกีดขวางทางระบายน้ำทำให้เกิดปัญหาในฤดูน้ำหลาก และส่งผลกระทบต่อไปยังฤดูอื่นๆ ด้วย เช่นในหน้าแล้งชาวนาจะไม่สามารถดึงน้ำไปใช้ในการเกษตรกรรมได้ และผักตกชวายังมีส่วนทำให้ระบบนิเวศของพื้นที่เปลี่ยนไป
นอกจากนั้นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่ายังเอ่ยปากชมกิจกรรมในวันนี้ว่าชาวบ้านได้ประโยชน์ทั้ง 2 ทาง “คนในพื้นที่ของเราประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้าง พอเกิดโรคโควิด-19 ขึ้นมาในประเทศไทยชาวบ้านก็ได้รับผลกระทบ การจ้างงานของบุญรอดฯ ในวันนี้ ถ้ามองดีๆ จะได้ประโยชน์ทั้ง 2 ทาง คือได้ทั้งรายได้ และกำจัดผักตบชวาออกไปจากคูคลองอีกด้วย”
โดย นายสุชิน อิงคะประดิษฐ์ ผู้บริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่ไวรัสโคโรน่าเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมไทยในทุกหย่อมหญ้า บริษัท บุญรอด บริวเวอรี จำกัด ก็ได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน และทำโครงการเยียวยามาอย่างต่อเนื่องที่มีมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท ที่จะช่วยเหลือชุมชนต่างๆ
“โครงการเร่งด่วนที่ได้ทำต่อมาก็คือการเร่งจ้างงานสร้างอาชีพ ที่มีทั้งหมด 3 โครงการหลักคือ 1.สิงห์อาสาสู้ไฟป่า 2.สิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง และ 3.สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม ที่วันนี้ให้ชุมชนได้มีส่วนมาดูแลปกป้องและแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยตนเอง ซึ่งคลองพระยาบันลือเป็นคลองที่สำคัญของภาคกลางซึ่งทุกปีจะมีผักตบชวาเข้ามาเต็มคลองที่มีส่วนให้การระบายของน้ำช้าลงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์” พร้อมยืนยันว่าบริษัทฯ จะเดินหน้าช่วยเหลือชาวบ้านผ่านโครงการสิงห์อาสาต่อไป
สำหรับโครงการจ้างงานสร้างอาชีพทั้ง 3 โครงการนั้นจะยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่าครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ โครงการสิงห์อาสาสู้ภัยแล้งครอบคลุมพื้นที่ภาคอีสาน และโครงการสิงห์อาสาสู้น้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง โดยเริ่มที่ อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่ภาคกลางเสี่ยงน้ำท่วม ทั้งนี้ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ยังมีโครงการที่เตรียมจะทำทั้งในส่วนของการสร้างรายได้และสร้างอาชีพในระยะยาวต่อไป