เดอะนิวยอร์กไทส์ รายงานอ้างอิงเว็บไซต์ The Information และแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ชี้ว่า ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอปพลิเคชัน TikTok กำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยขั้นต้นกับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อหาทางรอดให้แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นที่กำลังถูกรัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพ่งเล็งอย่างหนัก ต่อจากบริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนอย่างหัวเว่ย
แหล่งข่าวชี้ว่า หนึ่งในทางออกที่มีการพูดคุยกันอยู่คือการลดสัดส่วนหุ้นที่ ByteDance บริษัทเอกชนของจีนที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเทขายแปลงสภาพไปเป็นบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่โดยบริษัทสหรัฐฯ แทน
ภายใต้แผนดังกล่าว TikTok จะยังได้รับเงินลงทุนจากผู้ลงทุนเดิมใน ByteDance อย่าง Sequoia บริษัทร่วมทุนสัญชาติอเมริกัน และ General Atlantic ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐฯ เช่นกัน แล้วหลังกระบวนการนี้จะส่งผลให้ ByteDance เป็นผู้ถือหุ้นรายเล็ก
นายนีล ชีน หัวหน้าบริษัท Sequoia สำนักงานจีน ออกมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติม ขณะที่ TikTok ออกแถลงการณ์ยอมรับว่ามีคำแนะนำจากภายนอกเข้ามาจำนวนมาก หลังจากบริษัทประกาศว่าแนวโน้มปรับโครงสร้างธุรกิจ
“หลังจากที่บริษัทประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เรากำลังประเมินการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับโครงการสร้างธุรกิจ TikTok ก็มีคำแนะนำที่เกิดจากบุคคลภายนอกที่ไม่ได้มีส่วนในการตัดสินใจภายในองค์กรเข้ามาจำนวนมาก...เราไม่ขอกล่าวถึงข่าวลือหรือการคาดคะแนต่างๆ เรามั่นใจในความสำเร็จระยะยาวของ TikTok และจะเปิดเผยแผนของบริษัทอย่างแน่นอนเมื่อเรามีสิ่งที่จะออกมาประกาศ”
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก คาดการณ์ว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การตัดสินใจเทขายหุ้น TikTok ออกไป และแปลงสภาพเป็นบริษัทอเมริกันเป็นเรื่องยากเพราะนายจาง ยี่หมิง ผู้ก่อตั้ง TikTok ไม่ต้องการให้แอปพลิเคชันของตนเองเปลี่ยนไปเป็นธุรกิจโฆษณาออนไลน์รายใหญ่แบบเฟซบุ๊กหรือกูเกิล
นอกจากนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่าประเด็นเรื่องราคาก็มีผลเช่นเดียวกัน เนื่องจากมูลค่าของ TikTok กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่ามูลค่าในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 20,000-40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 632,000-1,260,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่หลายฝ่ายยังมีความกังวลว่าบริษัทผู้ลงทุนรายใหญ่ในแอปฯ นี้อย่าง General Atlantic หรือ SoftBank จะมีเงินเพียงพอสำหรับการซื้อความพอใจของนายจางหรือไม่
ทางออกหนึ่งที่แหล่งข่าวชี้ว่ามีความเป็นไปได้มากกว่าและมองว่าเป็นการประนีประนอมที่พอทำได้คือการแยกไปเป็น TikTok ของสหรัฐฯ ขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งในกรณีนี้ ByteDance จะยังคงเป็นเจ้าของเต็ม TikTok ทั่วโลก เว้นแต่ในสหรัฐฯ ทั้งยังทำให้ข้อเสนอนี้ดูเป็นไปได้มากกว่ากับเหล่าบริษัทร่วมทุนอื่นๆ ที่ไม่ต้องทุ่มเงินสูงจนเกินไป
ขณะที่ความพยายามในการบั่นทอนบริษัทจีนจากประเด็นความปลอดภัยข้อมูลอาจได้รับการผ่อนปรนลง เนื่องจากข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ จะขึ้นอยู่กับบริษัทท้องถิ่น ไม่ใช่ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติจีน ที่สหรัฐฯ มีความเชื่อมั่นต่ำในประเด็นดังกล่าว แม้บริษัทจะออกมาย้ำเสมอในช่วงที่ผ่านมาว่าไม่เคยมอบข้อมูลผู้ใช้งานให้กับรัฐบาลจีน
โฆษกบริษัทย้ำว่า “TikTok มีซีอีโออเมริกันเป็นผู้นำ ทั้งยังมีพนักงานหลายร้อยคนและเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย ความมั่นคง ผลิตภัณฑ์ นโยบายสาธารณะในสหรัฐฯ ... เราไม่เคยมอบข้อมูลให้รัฐบาลจีน และจะไม่มีวันทำ แม้จะถูกร้องขอก็ตาม”
ปัจจุบันนายเควิท เมเยอร์ อดีตซีอีโอของ Walt Disney นั่งเป็นซีอีโอของ TikTok และเป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการของ ByteDance ด้วย
ท่ามกลางกระแสพิพาทที่เกิดขึ้น มูลค่าของ ByteDance ก็ยังคงตัวสูงกว่าระดับ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.16 ล้านล้านบาท อีกทั้งเหล่าผู้ลงทุนยังคงผลักดันให้บริษัทเร่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพราะนักลงทุนจำนวนมากยังกระหายจะซื้อหุ้นของ ByteDance แม้จะเต็มไปด้วยความไม่ชัดเจนของการถูกแบนในสหรัฐฯ ก็ตาม
อ้างอิง; NYT, Bloomberg, The Information
ข่าวที่เกี่ยวข้อง;