ผู้ผลิตสินค้ากลุ่มปลาเส้น อย่าง "ทาโร่" มั่นใจปีนี้ ยอดขายจะเติบโต 13% สวนกระแสเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว เตรียมพัฒนาสินค้าใหม่ รองรับกำลังซื้อในกลุ่ม เออีซี
ผู้ผลิตสินค้ากลุ่มปลาเส้น อย่าง "ทาโร่" มั่นใจปีนี้ ยอดขายจะเติบโต 13% สวนกระแสเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว เตรียมพัฒนาสินค้าใหม่ รองรับกำลังซื้อในกลุ่ม เออีซี
นายสมชาย ชุณหรัศมิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวว่า ภาพรวมการเติบโตของผลิตภัณฑ์อาหารประเภทสแน็ก ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ "ทาโร่" ซึ่งเป็นสินค้าประเภทสแน็กกลุ่มปลาเส้น กลับไม่ได้รับผลกระทบ และยังมีการเติบโตอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแบรนด์สินค้า ที่มีความแข็งแกร่ง และตำแหน่งของสินค้า ที่เป็นสินค้ามีประโยชน์ ทำให้ผู้บริโภค ยังคงเลือกซื้อ รวมทั้งมีช่องทางการจัดจำหน่าย ครอบคลุมกว่า 3 หมื่นร้านค้า ทั้ง ร้านค้าทั่วไป และ โมเดิร์นเทรด โดยร้านเซเว่นอีเลฟเว่น บริษัทจะนับเป็น 1 ร้านค้าที่มีหลายสาขา
และจากการสำรวจตลาด และความเห็นของผู้บริโภค แบรนด์โพสิชันของทาโร่ ก็เป็นแบรนด์เดียวที่โดดเด่นเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ขณะเดียวกัน บริษัทก็มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการออกสินค้าใหม่รสชาติใหม่ ปีละ 1-2 รสชาติ ซึ่งผู้บริโภค มักจะทดลองสินค้าใหม่ ที่ออกวางจำหน่ายเสมอ
ปัจจุบัน ตลาดสแน็ก มีมูลค่ากว่า 2 หมื่น 5 พันล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าปลาเส้น มีส่วนแบ่งประมาณ 10% ปกติจะขยายตัวในอัตรา 10% โดยช่วงครึ่งปีแรก จะเติบโตในอัตรา 8% แต่ "ทาโร่" มีการเติบโตถึง 13% ซึ่งบริษัท ประเมินว่าช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงฤดูกาลขายสินค้า คาดว่า ปีนี้จะเติบโตประมาณ 10% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์กลุ่มสแน็ก ถือเป็นสัดส่วน 70% ของยอดขายรวมทั้งบริษัท โดยปัจจุบัน บริษัทมียอดขายปีละประมาณ 3-4 พันล้านบาท ซึ่งจะพยายามสร้างกลุ่มอื่นให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ขณะเดียวกัน เตรียมพัฒนาสินค้ารูปลักษณ์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ "คอริฟิน ซี" ซึ่งเป็นลูกอมที่บริษัททำตลาดมานานกว่า 10 ปี คาดว่าจะวางจำหน่ายได้ในปีหน้า โดยแบรนด์คอริฟินซี เป็น 1 ใน 3 แบรนด์สินค้าของบริษัทโดยตรง นอกจาก "ทาโร่" และแบรนด์ "คิงส์คิท เช่น"
อย่างไรก็ตาม หลังเปิด เออีซี ในปี 2558 จะเป็นโอกาสทางการตลาดในการเพิ่มยอดขายให้บริษัท ไม่น้อยกว่า 10% นอกจากการเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ และเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับบริษัทในกลุ่มเออีซี ที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เนื่องจากบริษัทมีความแข็งแกร่ง และเป็นมืออาชีพในด้านการกระจายสินค้า