ไม่พบผลการค้นหา
ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกงใช้กฎหมายสถาการณ์ฉุกเฉินสั่งแบนหน้ากาก หลังการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงดำเนินต่อมานานหลายเดือน

แคร์รี หล่ำ ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกงประกาศใช้มาตรการฉุกเฉิน แบนหน้ากากปิดบังใบหน้า โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ต.ค.นี้ หลังจากที่การประท้วงฮ่องกงรุนแรงขึ้นในวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 70 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยหล่ำกล่าวว่า ความรุนแรงได้ทำลายฮ่องกง และทางการฮ่องกงไม่อาจยอมปล่อยให้สถานการณ์นี้ย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ ทำให้ชาวฮ่องกงวิตกกังวล

การแบนหน้ากากจะครอบคลุมพื้นที่ที่มี "การชุมนุมผิดกฎหมายที่ใช้ความรุนแรง" แต่จะยกเว้นโทษสำหรับคนที่มีเหตุผลเพียงพอในการสวมใส่หน้ากาก เช่น สวมหน้ากากเพราะเหตุผลด้านสุขภาพหรือ โดยจะแบนหน้ากากทุกชนิด รวมถึงการวาดสีบนใบหน้าด้วย

หล่ำประกาศใช้บทบัญญัติมาตรการฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมในปี 1922 และถูกนำมาใช้ครั้งสุดท้ายในการปราบปรามจลาจลในฮ่องกงปี 1967 ก่อนที่จะถูกนำมาใช้อีกครั้งในคราวนี้ หลังชาวฮ่องกงออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย และสิทธิเสรีภาพที่จะไม่ถูกจีนแผ่นดินใหญ่แทรกแซงเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว

หลังหล่ำสั่งแบนหน้ากากก็มีชาวฮ่องกงหลายพันคนไปรวมตัวกันสวมหน้ากากปิดปากพร้อมตะโกนประท้วงบริเวณคอสเวย์เบย์ ย่านช้อปปิ้งใจกลางเมืองฮ่องกงว่า "ฉันต้องการสวมหน้ากากปิดหน้า" และ "สวมหน้ากากไม่ใช่อาชญากรรม"

นักวิเคราะห์เตือนว่า การใช้บทบัญญัติมาตรการฉุกเฉินเป็นครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งศตวรรษเป็นการใช้กฎหมายที่อันตรายของช่วงอาณานิคม ซึ่งจะให้อำนาจกับผู้ว่าการฮ่องกงมากเกินไปในการกำหนดมาตรการฉุกเฉินต่างๆ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิลลี หล่ำ จากมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกงกล่าวว่า แม้การแบนหน้ากากจะเป็นมาตรการเล็กน้อย แต่ก็เป็นก้าวแรกที่อันตรายในการใช้ บทบัญญัติมาตรการฉุกเฉิน หากการห้ามหน้ากากใช้ไม่ได้ผล ก็อาจมีการยกระดับไปใช้มาตรการเข้มงวดขึ้น เช่น การเคอร์ฟิว และการจำกัดเสรีภาพพลเมืองอื่นๆ

ที่มา : AP, BBC