ไม่พบผลการค้นหา
นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม 'เอกชัย อิสระทะ' เข้าแจ้งความให้ ตร.เร่งดำเนินการเอาผิดคนร้าย หลังถูกชายฉกรรจ์เกือบ 20 คน เข้าประกบและคุมตัวไปกักขังไว้ที่รีสอร์ตในพัทลุง ขณะเข้าสังเกตการณ์เวทีรับฟังความคิดเห็นประทานบัตรสัมปทานเหมืองแร่หินปูน

เมื่อ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา นายเอกชัย อิสระทะ นักเคลื่อนไหวและนักพัฒนาเอกชน และดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ทั้งระดับภาคใต้และระดับชาติ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ข่มขู่คุกคาม และควบคุมตัวไปกักขัง พร้อมยึดอุปกรณ์สื่อสารและทรัพย์สินติดตัวไว้เป็นเวลาครึ่งวัน ภายหลังจากที่นายเอกชัยแสดงเจตจำนงเข้าร่วมสังเกตการณ์เวทีรับฟังความคิดเห็นการขอประทานบัตรโครงการขอสัมปทานเหมืองแร่หินปูนของบริษัทแห่งหนึ่ง ใน อ.ตะโหมด จ.พัทลุง

โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ได้รายงานว่า หลังจากที่นายเอกชัย เข้าร่วมเวทีดังกล่าวได้ถูกชายฉกรรจ์เกือบ 20 คน เข้าประกบและควบคุมตัวนำไปกักขังไว้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง มีการข่มขู่ว่าจะไม่รับรองความปลอดภัยหากนำเรื่องนี้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และในเหตุการณ์เดียวกัน ยังมีการกักตัวกลุ่มนักข่าวจากหลายสำนักที่จะเข้าไปทำข่าวในเวทีด้วย

'เอกชัย' แจ้งความให้ ตร.เร่งดำเนินคดีคนร้ายกักขังหน่วงเหนี่ยว

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา นายเอกชัยและเครือข่ายได้เข้าร้องทุกข์ต่อสำนักงานตำรวจภูธรภาค 9 จ.สงขลา ขอให้เจ้าพนักงานตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับข่มขู่และกักขังหน่วงเหนี่ยวนายเอกชัยเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยจากอิทธิพลการใช้อำนาจนอกกฎหมายให้กับนายเอกชัย ครอบครัวและประชาชนในพื้นที่ตั้งโครงการเหมืองแร่หิน และขอให้เจ้าพนักงานตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการและดำเนินการเพื่อปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยของเอกชัย และครอบครัวในระหว่างการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดไปจนกว่าจะมีการนำคนผิดมาลงโทษ

อีกทั้ง ขอให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพัทลุงและกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ตรวจสอบและทบทวนกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในกรณีคำขอประทานบัตรโครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของ บริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมดจังหวัดพัทลุงดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อโครงการได้อย่างแท้จริง