น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มีการโจมตีเรื่องการใช้สถานที่ของแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ไปเทียบเชิญพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก ให้เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า อยากให้แยกประเด็นในการพิจารณา เพราะเรื่องการไปเชิญพล.อ.ประวิตร เป็นเรื่องของแกนนำพรรคมีความตั้งใจที่จะไปเชิญพล.อ.ประวิตร ให้มาเป็นหัวหน้าพรรค 

ดังนั้นสถานที่ที่ไปเชิญต้องเป็นสถานที่ที่ พล.อ.ประวิตร สะดวก และไม่ว่า พล.อ.ประวิตร จะอยู่สถานที่ใดแกนนำพร้อมที่จะไปเทียบเชิญ ดังนั้นสถานที่ใดไม่สำคัญเท่ากับความสะดวก รวมถึงให้เกียรติพล.อ.ประวิตร มากกว่า และการที่มีคนมาโจมตีเรื่องการใช้สถานที่นั้น เห็นว่าเป็นการใช้ประเด็นนี้สร้างความขัดแย้งและชี้นำให้กับสังคม จึงขออยากถามกลับไปว่า การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะช่วงเวลานี้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน หรือ พรรคฝ่ายค้าน ล้วนมุ่งแก้ปัญหาให้กับประชาชน 

ส่วนการที่มีประกาศจากนายทะเบียนมูลนิธิฯ ข้อ 7.2 ที่ระบุว่า ไม่ให้ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด และการไปเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า ตนเองไม่ทราบว่าแกนนำจะไปเทียบเชิญพล.อ.ประวิตรที่สถานที่ใดมาก่อน และมองว่า มูลนิธิฯไม่ได้เป็นผู้จัดกิจกรรมทางการเมือง จึงไม่ได้มีส่วนที่จะทำให้เกี่ยวข้องกับการเมือง

"ไพบูลย์" ท้าให้ฟ้องยันใช้สถานที่มูลนิธิฯ ผิดหรือขัดประกาศ

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน รักษาการรองหัวหน้าพรรคพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่าเมื่อวานนี้แกนนำพรรคได้เดินทางไปเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรคที่มูลนิธิป่ารอยต่อจริง เบื้องต้น พล.อ.ประวิตรได้ตอบรับในหลักการ และให้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมสามัญในที่ 27 มิ.ย. นี้

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าใช้มูลนิธิเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองนั้น นายไพบูลย์ มั่นใจว่าไม่ผิดกฎหมายหรือขัดกับประกาศของมูลนิธิ เนื่องจากไม่ได้ไปติดต่อกับมูลนิธิฯ แต่เป็นการไปพบ พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ พล.อ.ประวิตรสะดวก และหากใครจะไปฟ้องร้องเพื่อเอาผิดก็สามารถการได้และให้ฟ้องตนด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตนเองมีประสบการณ์ในการทำมูลนิธิมาก่อน 

ซึ่งข้อประกาศที่ห้ามดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองมีเพียง การไม่นำเงินของมูลนิธิไปสนับสนุนพรรคการเมือง และในมูลนิธิก็เปิดโอกาสให้นักการเมืองเข้าไปเป็นกรรมการของมูลนิธิได้จึงมั่นใจว่าไม่ผิด

ส่วนการสนับสนุนให้นายทหารมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น นายไพบูลย์ เห็นว่า เป็นเรื่องดี และเหมาะสม เพราะทหารมีอุดมการณ์ในการเสียสละเพื่อชาติ จึงมั่นใจว่า จะเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยที่ดี

นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงการประชุมสามัญของพรรคพลังประชารัฐในวันเสาร์นี้ (27 มิ.ย.) ว่า ที่ประชุมจะมีการแก้ไขข้อบังคับการประชุมเพื่อปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรครวมถึงการแต่งตั้งตำแหน่งอื่น ๆ ภายในพรรค รวมถึงการรับรองตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ นอกจากนั้นที่ประชุมจะมีการ เลือกเลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรค และนายทะเบียนพรรค รวมถึงกรรมการบริหารพรรครวมจำนวนทั้งหมดไม่เกิน 29 คน จากนั้น หัวหน้าพรรคจะเป็นผู้เลือกตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 9 คน และผู้อำนวยการพรรค รวมไปถึงโฆษกพรรค

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ให้มาเป็นหัวหน้าพรรค โดยไม่มีนายอุตตม สาวนายน และคณะเข้าร่วมด้วยนั้นจะเป็นการสะท้อนถึงการปรับออกจากคณะรัฐมนตรี​ หรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ และในวันนี้ที่ประชุม ครม. ไม่ได้พิจารณา​ในเรื่องดังกล่าว

อ่านเพิ่มเติม

• นอนมา! หัวหน้าก๊กจับมือโชว์พลัง ‘ประวิตร’ ตอบรับประมุข พปชร. วอนอย่าแตกแยก