ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ประชุมคณะรัฐมนตรี จับตาขยายวงเงินเยียวยาเศรษฐกิจระยะ 3 พร้อมพิจารณาออก พ.ร.ก. 3 ฉบับ ขณะที่คลังเสนอร่างประกาศยกเว้นอากรศุลกากรของนำเข้าใช้รักษาโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบเต็มคณะ ที่ตึกสันติไมตรี โดยจำกัดผู้เข้าร่วมประชุมและผู้ติดตามไม่ให้เกิดความแออัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  

โดยคาดว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จะพิจารณารายละเอียดการออก พ.ร.ก. 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.ก.การให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ หรือซอฟท์โลน , พ.ร.ก.การให้อำนาจ ธปท.ซื้อตราสารหนี้เอกชนที่ครบกำหนดชำระ และ พ.ร.ก.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 

พร้อมกันนี้ คาดว่าจะพิจารณาขยายกรอบวงเงินที่จะใช้ดูแล และเยียวยาเศรษฐกิจในระยะที่สาม โดยเพิ่มวงเงินมากขึ้น จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1.9 ล้านล้านบาท เนื่องจากมีความกังวลว่ากรอบวงเงินเดิมจะไม่เพียงพอในการพยุงเศรษฐกิจในช่วงต่อจากนี้ หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะให้แต่ละกระทรวงเสนอโครงการที่จะใช้ดำเนินการช่วยเหลือและเยียวยาประชาชน รวมถึงให้เสนอโครงการที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุข เพื่อสรุปตัวเลขเม็ดเงินที่จะใช้อีกครั้ง โดยจะไม่มีมาตรการออกมาอย่างชัดเจน แต่จะปรับเปลี่ยนให้แต่ละกระทรวงเสนอมาเหมือนกับการขอใช้งบประมาณประจำปี เพื่อเป็นการกระจายความช่วยเหลือให้ตรงจุด ซึ่งคณะรัฐมนตรีอาจจะหารือถึงรายละเอียดเรื่องการตัดงบประมาณจากทุกกระทรวงเพื่อมาใช้แก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19  

ขณะที่กระทรวงการคลัง จะเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลังเรื่องการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้รักษาวินิจฉัยหรือป้องกันโควิด-19

ด้านกระทรวงศึกษาธิการ เตรียมขออนุมัติหลักการโครงการส่งเสริมการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีให้มีคุณภาพ และวาระเพื่อทราบเรื่องผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล ปี 2563 ครบ 6 เดือนของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม


อ่านเพิ่มเติม :