ต่างประเทศ
อิสราเอลพบคนหาย 30 ราย ใกล้พรมแดนกาซา เป็นคนไทย 14 ราย
เจ้าหน้าที่อิสราเอลระบุว่า ทางการได้รับรายงานเมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ของคืนวันจันทร์ ว่ามีการค้นพบผู้สูญหายกลุ่มชาวอิสราเอลจำนวน 16 คน และชาวไทยอีก 14 คน
ห้องสถานการณ์ร่วมทางการทหาร ตำรวจ หน่วยงานความมั่นคงภายในชินเบต และกระทรวงต่างๆ ของอิสราเอล ได้ทำการตรวจสอบรายละเอียดจากรายงานดังกล่าว ก่อนที่ทีมกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) จะถูกส่งตัวเข้าไปยังนิคมเกษตรคิบบุตซ์อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้สูญหายดังกล่าว โดยอาศัยเทคโนโลยีการระบุตำแหน่ง
แถลงการณ์ของคณะทำงานร่วมในอิสราเอลระบุว่า กลุ่มผู้สูญหายดังกล่าวที่ถูกพบตัวนั้นยังคงมีชีวิตและปลอดภัยดี
ระหว่างการโจมตีของกลุ่มฮามาสในเมืองต่างๆ ทางตอนใต้ของอิสราเอล มีรายงานประชาชนจำนวนมากที่หลบหนีและพยายามซ่อนตัว
ยอสซี ไกเบอร์ เจ้าหน้าที่บัญชาการโฮมฟรอนต์ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า “ท่ามกลางความมืดมิด เราได้รับแสงสว่างเล็กน้อยเมื่อคืนนี้” ทั้งนี้ ไกเบอร์กล่าวว่าการช่วยเหลือผู้คน 30 คนได้นำ "ความตื่นเต้นอันยิ่งใหญ่" มาสู่สมาชิกของห้องสถานการณ์ร่วม "นี่คือช่วงเวลาที่คุณตระหนักถึงพลังของภารกิจของเรา"
โบอาซ บลัต ผู้ช่วยผู้บัญชาการโฮมฟรอนต์ ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยตำรวจอิสราเอลเพื่อการค้นหาผู้สูญหาย ให้คำมั่นว่า “เมื่อเราประสบความสำเร็จในการตามหาผู้สูญหายและคนอื่นๆ เหล่านี้ เราจะทำงานร่วมกับพันธมิตรของเราต่อไปตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อค้นหาผู้สูญหายคนอื่นๆ”
ในอีกทางหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศไทยรายงานยอดคนไทยในอิสราเอล ว่ามีการพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 20 ราย และถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มเป็น 14 ราย อย่างไรก็ดี ผู้สูยหาย 14 รายดังกล่าวนี้ เป็นคนละส่วนกับที่กองทัพอิสราเอลเข้าช่วยเหลือจากที่ซ่อนตัว
ในวันนี้ (11 ต.ค. 66) นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์การสู้รบของกลุ่มฮามาสและอิสราเอล นางกาญจนา ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตเนื่องจากรายงานวันนี้พบว่า มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 2 ราย ภาพรวมตอนนี้ได้รับรายงานยอดคนไทยที่เสียชีวิต 20 คน (เพิ่มมา 2 คน) และบาดเจ็บ 13 คน (เพิ่มมา 4 คน) โดยมีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกัน 14 คน (เพิ่ม 3 คน) แสดงความประสงค์กลับไทย 5,019 คน และ แสดงความประสงค์ไม่กลับ 61 คน
กรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีคนไทยที่เป็นตัวประกัน 14 คน ถูกช่วยชีวิตออกมาได้สำเร็จ นางกาญจนา ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องจริง แต่ 14 รายที่ถูกช่วยเหลือได้นั้นจะเป็นคนละส่วนกับผู้ถูกจับเป็นตัวประกัน 14 รายตามที่กระทรวงการต่างประเทศมีรายชื่ออยู่ในมือ ซึ่ง 14 คนที่เป็นกระแสข่าวจากรายงานเบื้องต้นทุกคนปลอดภัยแล้ว
ส่วนที่มีกระแสข่าวที่กลุ่มฮามาสไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการเจรจา นางกาญจนา บอกว่า เรื่องการเจรจาทุกฝ่ายทุกประเทศที่เกี่ยวข้องมีความพยายามในการดำเนินการอยู่แล้ว เพื่อให้ยุติความรุนแรง ซึ่งตอนนี้พลเรือนทั้ง 2 ฝ่ายได้รับผลกระทบอย่างมาก และพลเรือนชาติที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงคราม ถือเป็นสิ่งจำเป็น ที่พลเรือนเหล่านั้นไม่ควรเข้าไปมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะไม่ใช่คู่ขัดแย้ง จึงควรจะต้องปล่อยตัวพลเรือนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายพยายามหาช่องทางในการเจรจากันอยู่ ซึ่งตอนนี้คาดว่าแรงงานไทยกระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ ไม่ได้รวมอยู่ในที่เดียว
ส่วนประเด็นเรื่องการอพยพ ที่มีข้อมูลว่า แรงงานที่อยู่ในรัศมีอันตราย มีเสบียงไม่เพียงพอ นางกาญจนา บอกว่า แนวทางในการช่วยเหลือ ทันทีที่ทราบข่าว ท่านทูตได้ติดต่อไปทางอิสราเอลทันทีเพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการอพยพคนไปในที่ปลอดภัยโดยทางอิสราเอลได้แสดงความเสียใจเพราะเขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และขอให้เข้าใจถึงข้อจำกัดในการอพยพโยกย้ายผู้คน ซึ่งทุกฝ่ายกำลังช่วยกันอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องเสบียงอาหารก็เริ่มมีความยากลำบาก แต่การช่วยเหลือมาจากทางการอิสราเอลและฝ่ายทหารที่จะเข้ามาในพื้นที่ซึ่งกำลังมีความพยายามอยู่
ส่วนกรณีแรงงานที่ถูกบังคับให้ทำงานและถูกระเบิดระหว่างการทำงานในสภาวะแบบนี้ จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร นางกาญจนา บอกว่า กรณีดังกล่าวทางอิสราเอลแจ้งว่าเป็นการโยกย้ายจากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่ง เป็นการทำงานเพื่อให้มีรายได้ แต่ก็ต้องเข้าใจถึงเรื่องของความตึงเครียดและกดดันในห้วงที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะทูตบอกว่าคงจะต้องให้เวลากับแรงงานด้วย แต่ยืนยันว่าแรงงานไม่ได้ถูกขาย หรือถูกบังคับ
และจากแผนที่บอกว่ามีคนไทยมาลงชื่อเพื่อจะขอกลับประเทศกว่า 5,000 คน จะสามารถอพยพแรงงานทั้งหมดได้เสร็จสิ้นภายในภายในช่วงไหน นางกาญจนา บอกว่า ไม่สามารถที่จะชี้แจงรายละเอียด รายละเอียดตามกรอบเวลาที่ชัดเจนได้แต่ยืนยันว่าจะเร่งอพยพอย่างเร็วที่สุด
ที่มา:
