ข่าวรัฐมนตรีหญิงผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์อิตาลี ถูกปากล้วยใส่ ระหว่างการปราศรัยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
ข่าวรัฐมนตรีหญิงผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์อิตาลี ถูกปากล้วยใส่ ระหว่างการปราศรัยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก และก่อให้เกิดคำถามตามมามากมายว่า เมื่อไหร่ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติและสีผิวในประเทศนี้ จะหมดไปเสียที
ชื่อของ "เซซีล คเยนเก" เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกมากขึ้น เมื่อเธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงบูรณาการของอิตาลีเมื่อ 3 เดือนก่อน กลายเป็นหญิงผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์อิตาลี ที่ได้รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี หลังจากที่เธอเข้ารับตำแหน่ง เธอก็ตกเป็นเป้าสายตาของกลุ่มฝ่ายขวาในประเทศ ที่เป็นพวกเหยียดเชื้อชาติและสีผิว โดยคนกลุ่มนี้ ได้ต่อว่า หรือพูดจากระทบกระเทียบการทำงานของเธอมาโดยตลอด รวมถึงนายโรแบร์โต คาลเดโรลี วุฒิสมาชิกจากพรคคนอร์ธเทิร์นลีก ที่ได้ออกมากล่าวเปรียบเปรยเธอ ว่าเป็นเหมือนลิงอุรังอุตัง และเธอน่าจะกลับไปเป็นรัฐมนตรีในประเทศคองโก ประเทศบ้านเกิดของเธอเองมากกว่า
คำพูดดังกล่าว เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อย ในสิ่งที่นางคเยนเกต้องเผชิญ เพราะล่าสุด เธอเพิ่งโดนมือดี ปากล้วย 2 ลูกเข้าใส่ ระหว่างกล่าวปราศรัยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ เนื่องจากฝูงชนที่รุมล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ได้มีการสั่งให้เฝ้าระวัง และรักษาความปลอดภัยให้นางคเยนเกอย่างเข้มงวดมากขึ้น
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว นางคเยนเกได้อาศัยช่องทางอย่างทวิตเตอร์ ทวีตตอบโต้ว่า การกระทำดังกล่าว ทำให้อาหารเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เนื่องจากยังมีอีกหลายคนบนโลกนี้ที่ต้องตายเพราะความหิวโหย
นางคเยนเกเป็นชาวคองโกโดยกำเนิด เธอเดินทางมายังอิตาลีเมื่อสามปีก่อน เพื่อศึกษาต่อด้านการแพทย์ ก่อนที่จะได้รับสัญชาติอิตาลี และทำงานเป็นจักษุแพทย์ในเมืองโมดีนา จากนั้น ชีวิตของเธอก็ผกผันมาสู่เส้นทางสายการเมือง ซึ่งนโยบายเด่นของเธอ ก็คือการผลักดันเรื่องกฎหมายเข้าเมือง ที่จะช่วยให้ชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในอิตาลีได้รับสัญชาติอิตาลีง่ายขึ้น เหมือนโอกาสที่เธอเคยได้รับ ซึ่งนโยบายนี้ ก่อให้เกิดข้อถกเถียงเป็นวงกว้าง และมีผู้ต่อต้านเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม และชาวอิตาเลียนที่มองว่า กฎหมายนี้ อาจทำให้ปัญหาอาชญากรรม ในอิตาลีเพิ่มขึ้น และในขณะเดียวกัน การอพยพเข้ามาอาศัยในอิตาลีของชาวต่างชาติ อาจทำให้เกิดการแย่งงานชาวอิตาเลียน ในยามที่บ้านเมืองกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นนี้ได้
มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้าที่นางคเยนเกจะเดินทางไปปราศรัยหาเสียง ในพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคนอร์ธเทิร์นลีก พรรคที่มีนโยบายต่อต้านการให้สัญชาติของผู้อพยพอย่างชัดเจน ได้มีกลุ่มนางแบบกลุ่มหนึ่งเพนท์ตัวด้วยหมึกสีแดง พร้อมกับมีข้อความต่อต้านนโยบายคนเข้าเมืองของนางคเยนเก ที่เขียนว่า "Immigration kills" พร้อมกับการแจกใบปลิวที่ระบุว่า อิตาลีเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะการปกป้องอัตลักษณ์ของชาวอิตาเลียน
นอกจากนี้ นักการเมืองท้องถิ่นของพื้นที่นั้นๆ ยังโพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กระบุว่า นางคเยนเกสมควรถูกข่มขืน เพื่อที่จะได้รับรู้รสชาติของการเป็นเหยื่ออาชญากรรม ที่ส่วนใหญ่ผู้ก่อเหตุมักเป็นผู้อพยพมาจากต่างถิ่นทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอิตาลีได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติสงครามน้ำลาย และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ขณะที่ นางคเยนเกก็แสดงความเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ล้วนเป็นความเห็นส่วนตัว และถึงเวลาแล้ว ที่ทุกคนจะต้องปรับความเข้าใจกัน โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสาร
ปัญหาเหล่านี้สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าการเหยียดเชื้อชาติและสีผิว ยังคงเกิดขึ้นอยู่ในสังคมอิตาลี แม้ว่าอิตาลีจะเป็นชาติสมาชิกของสหภาพยุโรป ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ และความเท่าเทียมกันทางด้านเชื้อชาติและสีผิวเหนือสิ่งอื่นใดก็ตาม ซึ่งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อไม่ใช่แค่คนเดินถนนธรรมดาๆเท่านั้น แต่เป็นถึงรัฐมนตรีหญิงผิวสีคนแรกของประเทศ ที่ทั่วโลกต่างชื่นชมและยกย่อง ขณะที่ ชาวอิตาเลียนกลับไม่คิดเช่นนั้น