นักข่าวจากพนมเปญโพสท์ หนังสือพิมพ์อันดับ 1 ของกัมพูชา ที่มีเจ้าของเป็นชาวออสเตรเลีย ประเมินว่า การเสนอข่าวในกัมพูชาสื่อมีเสรีภาพมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งประเทศไทย โดยยกตัวอย่างว่าสื่อในประเทศไทยไม่สามารถวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ได้ แต่ที่กัมพูชาไม่มีกฎหมายลักษณะเดียวกับมาตรา 112  และสถาบันกษัตริย์ก็ยังเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวกัมพูชา

 

นักข่าวจากพนมเปญโพสท์ ระบุว่า มีหนังสือพิมพ์ภาษาแขมร์จำนวนมากในกัมพูชา เสนอเนื้อหาหลากหลาย โดยเฉพาะข่าวที่ขายได้อย่างอุบัติเหตุ และคนตาย  แต่สำหรับพนมเปญโพสท์ไม่มีนโยบายนำภาพคนตายขึ้นหน้า 1 เป็นความพยายามยกระดับหนังสือพิมพ์ให้ได้มาตรฐานสากล  พนมเปญโพสท์เป็นหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ทั้งภาษาแขมร์ และภาษาอังกฤษ  และวางตำแหน่งว่าเป็นเบอร์ 1 ของสื่อสิ่งพิมพ์

 

ส่วนประธานชมรมนักหนังสือพิมพ์กัมพูชา ในฐานะบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา  ชี้แจงว่า หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชามีเนื้อหาที่หลากหลาย แบ่งเป็น 2 เซคชั่น คือ ข่าวภูมิภาค วัฒนธรรม และต่างประเทศ  แม้หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชาจะมีความใกล้ชิดกับพรรคประชาชนกัมพูชา  แต่ในทางปฏิบัติจะไม่ตอกย้ำภาพลักษณ์นี้ออกไปสู่สายตาผู้อ่าน

 

ส่วนสื่อโทรทัศน์ในกัมพูชามี 10 ช่อง  3

- อันดับแรก คือ สถานีโทรทัศน์ซีทีเอ็น ที่นำเสนอรายการแบบวาไรตี้ ได้รับความนิยมสูงสุด   

- อันดับสอง คือ สถานีโทรทัศน์บายอน ของลูกสาวสมเด็จสมเด็จ  

- อันดับสาม คือ สถานีฮองเมียต เป็นสถานีข่าวที่ได้รับความนิยมสูงสุด 

 

ส่วนละครไทยแม้จะยังไม่ได้ฉายในสถานีโทรทัศน์ช่องหลักของกัมพูชา นับตั้งแต่เหตุการณ์เผาสถานฑูตไทยในกรุงพนมเปญ และโรงแรมของคนไทย เมื่อปี 2546 หรือ 10 ปีที่ผ่านมา  แต่ถ้ารับชมสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมก็สามารถรับชมละครไทยได้  ในช่วงที่ทีมข่าววอยซ์ทีวีไปทำข่าวที่กรุงพนมเปญ  ยังติดตามชมละคร "คุณชายพุฒิภัทร" จากซีรีย์สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในโรงแรม

 

แม้ละครไทยจะไม่ได้ฉายในช่องหลัก อันเนื่องมาจากคำสั่งของรัฐบาลกัมพูชา  แต่ละครไทยก็เป็นที่นิยมโดยในตลาดบันเทิงจะมีการขายซีดีละครไทย พร้อมคำแปลภาษาขแมร์ภายใน 2 วัน หลังละครไทยออกอากาศ

 

โฮ  ปอร์ เซ็ง  ซูเปอร์สตาร์ชายอันดับ 1 ของกัมพูชา เทียบได้กับเคน ธีรเดชของไทย   เขาแจ้งเกิดจากเวทีเฟรชชี บอยแอนเกิร์ล ที่จัดโดยผู้จัดของไทย มา 12 ปีแล้ว  เป็นดาราชายคนเดียวที่เล่นละครโทรทัศน์ข้ามช่องได้ คือเล่นได้ทั้งช่อง ซีทีเอ็น และบายอน

 

ขณะเดียวกันสื่อออนไลน์โดยเฉพาะ "เฟซบุ๊ค" มีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่ของกัมพูชามาก  ขณะนี้คนกัมพูชามี ACCOUNT  เฟซบุ๊ค กว่า 8 แสนราย  เมื่อเทียบกับประชากร 14 ล้านคน  คนรุ่นใหม่ถือเป็นสัดส่วนที่สูงมาก คือ 52% สื่อเก่าทั้งหลายจึงต้องเร่งปรับตัว  เช่น พนมเปญโพสท์  ก็จะมีทั้งสถานีโทรทัศน์  วิทยุ และสื่อออนไลน์  แต่คนทำสื่อสิ่งพิมพ์เชื่อว่า ในระยะ 10 ปีนี้ สื่อสิ่งพิมพ์ก็จะยังคงอยู่ได้ในสภาพที่มีต้องมีการแข่งขันกันสูงกับสื่อใหม่