แต่ทัศนคติเหล่านี้อาจจะกำลังเปลี่ยนไป เมื่อ FAO องค์การอาหารและการเกษตรของสหประชาชาติ ออกมาแนะนำเมนูเด็ดสำหรับประชากรโลก เพื่อแก้ปัญหาความอดอยาก และปัญหาโรคอ้วน ซึ่งเป็นสองปัญหาใหญ่ของประเทศโลกที่ 3 และประเทศพัฒนาแล้ว นั่นก็คือเมนู "แมลง"

 

FAO บอกว่าแมลง เป็นเครื่องการันตีความมั่นคงทางอาหารของมนุษยชาติ เพราะแมลงเป็นสัตว์ที่มีอยู่มากมายเหลือเฟือในธรรมชาติ ขยายพันธุ์ได้เร็ว ทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ยังมีโปรตีนและแร่ธาตุต่างๆ สูงกว่าเนื้อหมู เนื้อวัว รวมถึงมีไขมันต่ำกว่ามาก เช่นในเนื้อวัวแห้ง 100 กรัม จะมีธาตุเหล็ก 6 มิลลิกรัม แต่ตั๊กแตนที่หนักเท่ากันมีธาตุเหล็กสูงถึง 8-20 มิลลิกรัม และเนื้อวัวยังมีไขมันถึง 18% ขณะที่เนื้อตั๊กแตนปริมาณเท่ากันจะมีไขมันเพียง 6% เท่านั้น 

 

ถึงแม้ว่าแมลงจะมีอยู่เยอะในธรรมชาติ แต่ FAO ก็ยังสนับสนุนให้เกษตรกรทั่วโลกหันมาทำฟาร์มเลี้ยงแมลงกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารรองรับกระแสกินแมลง บรรดาแมลงต่างๆ ยังเลี้ยงง่าย โตเร็ว และกินอาหารน้อยกว่าวัวถึง 12 เท่าในการผลิตโปรตีนในจำนวนเท่ากัน ที่สำคัญกระบวนการผลิตแมลงยังทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการผลิตเนื้อหมูหรือวัวหลายเท่า เรียกว่าเป็นธุรกิจรักษ์โลกได้อย่างสบายๆ

 

ทุกวันนี้ คนเรากินแมลงกันแพร่หลายกว่าที่คุณคิด ประชากรโลก 2 พันล้านคน หรือราว 1 ใน 3 กินแมลงกันอยู่แล้วและผู้ผลิตอาหารหลายราย เช่น โยเกิร์ต Danone และเครื่องดื่มแอลกอฮอล Campari ก็ใช้สีย้อมที่ได้จากแมลงเพื่อแต่งสีอาหาร

 

นอกจากคนจะกินแมลง สัตว์ที่เรากินก็ยังกินแแมลงด้วยเหมือนกัน เพราะวงการปศุสัตว์ในหลายประเทศตอนนี้เริ่มเอาแมลงมาทำเป็นอาหารสัตว์กันมากขึ้น เช่นจีน, แอฟริกาใต้, สเปน และสหรัฐฯ โดยใช้แมลงเสริมกับอาหารอื่นๆเช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดข้าวเปลือก และอาหารปลา

 

การสนับสนุนให้คนกินแมลง ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2011 สหภาพยุโรปเสนอเงิน 120 ล้านบาท ให้แก่หน่วยงานใดๆ ก็ตามที่มีโครงการสนับสนุนการบริโภคแมลงในฐานะอาหารทางเลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและราคาถูก จนผู้เชี่ยวชาญของยุโรปเชื่อว่า ก่อนปี 2020 ชาวยุโรปจะสามารถหาซื้อแมลงบริโภคในซูเปอร์มาร์เก็ตได้ โดยอยู่ในรูปของแมลงทอดสำเร็จรูปจิ้มซอสหรือเป็นไส้แฮมเบอร์เกอร์