พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 ในรอบใหม่ ที่ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมติดเชื้อ แต่ไม่เปิดเผยไทม์ไลน์ทั้งหมดต่อสังคม ว่า เรื่องนี้จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล เพราะศักดิ์สยาม ชี้แจงชัดเจนแล้วว่าติดเชื้อจากหน้าห้อง จึงไม่มีไทม์ไลน์อะไรที่จะปกปิด และไม่ได้เดินทางไปไหนนอกจากไปประชุม
ส่วนที่สังคมต้องการให้ศักดิ์สยาม เปิดเผยไทม์ไลน์ รวมไปถึงการตรวจสอบการเดินทางผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะทั้งหมดนั้น ถ้าไปประชุมก็เปิดเผยแล้วว่าไปประชุมที่ไหน อย่างไรก็ตามซึ่งตนดูแล้วศักดิ์สยามก็มีความจริงใจ นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร ยังย้ำว่าศักดิ์สยามไม่ได้ติดเชื้อจากใคร แต่ย้ำว่าเป็นการติดจากคณะทำงานหน้าห้อง
เมื่อถามย้ำว่าในสังคมออนไลน์มีการเปิดเผยว่า ศักดิ์สยามนั้นติดเชื้อจากสถานบันเทิง พล.อ.ประวิตร ระบุว่า "โอ้โห มันเป็นโซเชียล คุณจะเชื่อได้ไหมล่ะ โซเชียลใครเป็นคนเขียน" เช่นเดียวกับกรณี ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาระบุว่า สถานบันเทิงคริสตัลคลับ เป็นสถานที่คุยงานเปรียบได้กับเป็นไทยคู่ฟ้าคลับ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ตนไม่รู้แต่ตนเชื่อศักดิ์สยามที่พูดแบบนั้น
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่กรุงเทพฯว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเป็นที่เรียบร้อยแล้วและกระทรวงกลาโหม กำลังพิจารณาสถานที่ ทุกอย่างได้เตรียมการไว้หมดแล้ว ขออย่าห่วง
ด้านพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ทางกรุงเทพฯได้มีการเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้ 2 แห่ง คือโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ พุทธมณฑลสาย 3 และโรงพยาบาลบางขุนเทียน
ด้าน ศักดิ์สยาม ชิดชอบเปิดเผยถึงอาการล่าสุดหลังเข้ารับการรักษา ที่ โรงพยาบาลใน จ.บุรีรัมย์ หลังตรวจพบเชื้อโควิด-19 ว่า ขณะนี้ไข้ลดลง และอยู่ในอุณหภูมิปกติแล้ว ส่วนกรณีที่ เพจเฟซบุ๊กของ วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ และแกนนำ ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ ได้โพสต์ข้อความเรียกร้องให้มีการเปิดไทม์ไลน์ของศักดิ์สยามนั้น ชี้แจงว่าส่วนตัวได้มีการให้ข้อมูลไทม์ไลน์ของตนเอง ต่อแพทย์ไปทั้งหมดแล้ว ขอให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้แถลง หลังตรวจสอบโรคตามขั้นตอนปฏิบัติ
วิโรจน์ จี้ ศักดิ์สยามแจงไทม์ไลน์ให้ชัด ขอมีจิตสำนึก
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงท่าทีพรรคก้าวไกลต่อกรณีการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 คลัสเตอร์สถานบันเทิงย่านทองหล่อ โดยได้กล่าวย้อนไปวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา ที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุว่า "รัฐบาลคาดหวังว่าในช่วงสงกรานต์ทุกคนจะมีความสุข แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้ ต่อให้รัฐบาลออกมาตรการอะไรออกมา ถ้าคนไม่มีจิตสำนึกก็เป็นแบบนี้ละ"
จากประโยคดังกล่าว ตนจึงอยากถามกลับไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ว่า คนที่ไม่มีจิตสำนึก ตอนนี้มันอาจจะเป็นคนใน ครม.เสียเอง เป็นคนภายใต้บังคับบัญชาของท่านเองหรือไม่ สิ่งที่สำคัญคือความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะมันส่งผลต่อผลกระทบของประชาชน ซึ่งตนเชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้ว ต่อจากนี้รัฐบาลก็ต้องออกมาตรการและมีคำสั่งปกครองออกมามากมาย เพื่อควบคุมการระบาดอีกครั้ง ซึ่งคนที่เดือดร้อนก็คือไม่พ้นประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อย
โฆษพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า เมื่อครั้งที่เกิดคลัสเตอร์ที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่ระบาดช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็สร้างความผิดหวังให้ประชาชน ที่หวังจะหารายได้มาใช้หนี้ได้บ้าง แต่สุดท้ายทุกคนก็สิ้นหวัง ล่าสุดคลัสเตอร์ที่ทองหล่อ เป็นอีกครั้งที่เกิดขึ้นก่อนช่วงเทศกาล รัฐบาลไม่ใช่แค่จะมาออกมาตรการคำสั่งปกครองจำกัดสิทธิเสรีภาพให้ประชาชนต้องเดือดร้อนเพียงเท่านั้น อยากเรียกร้องให้รับผิดชอบ โดยการออกมาตรการเยียวยาให้กับคนที่เดือดร้อนอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม วิโรจน์ ยังยกตัวอย่างสโลแกนที่พบเจอมากมายในโลกโซเชียลที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น โควิดติดคนรวย ส่วนความซวยเกิดกับคนจน ,เศรษฐีเป็นคนก่อ คนซวยต่อเป็นประชาชน ,คนติดขับรถเบ๊นซ์ คนลำเค็ญนั่งรถเมล์ ,เหตุเกิดที่ร้านแพงๆ ร้านข้าวแกงเป็นคนรับกรรม เป็นต้น
วิโรจน์ กล่าวถึงข้อเรียกร้อง โดยอยากให้บังคับใช้กฏหมายอย่างเสมอภาค โดยเฉพาะการเปิดเผยไทม์ไลน์อย่างละเอียด พร้อมระบุตอนนี้มี 3 บุคคลเป็นอย่างน้อย คือ ข้าราชการตุลาการจากที่จังหวัดนนทบุรี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ซึ่งเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุด เกี่ยวข้องกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยโดยตรง
คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล เน้นย้ำว่ายิ่งต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมในการเปิดเผยไทม์ไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวก และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสอบสวนโรคต่อไป พร้อมกล่าวเชื่อมั่นว่าศักดิ์สยาม จะต้องมีความรับผิดชอบเหนือกว่าประชาชนทั่วไป จะต้องมีการลงทะเบียนหมอชนะอย่างแน่นอน หากไม่ลงนายอนุทิน จะสามารถรณรงค์ให้คนทั่วไปได้อย่างไร
นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท่ายว่า ถ้าจำกันได้เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา โฆษก ศบค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน เคยระบุว่า หากใครติดเชื้อโควิด-19 และไม่มีแอปหมอชนะจะมีความผิดตามกฏหมาย แม้มีการกลับคำพูดในเวลาต่อมา แต่อย่างไรก็ตามในวันเดียวกัน ก็ได้มีการชี้แจงว่าการปกปิดไทม์ไลน์ย่อมมีความผิดตามกฏหมาย อาทิ พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท
ถ้าหากปกปิดหรือบอกความเท็จด้วย ก็เข้าข่ายความผิดตามกฏหมายอาญา ม.137 มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี มีความกล้าหาญใช้ข้อบังคับอย่างเสมอภาคกับทุกคนอย่างเท่าเทียม พรรคก้าวไกล ย้ำขอให้ศักดิ์สยาม เปิดเผยไทม์ไลน์อย่างละเอียด แต่ถ้าหากไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง ก็ควรแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก
อ่านเพิ่มเติม