ไม่พบผลการค้นหา
"ประวิตร" โต้วิจารณ์งบกลาโหม ยันกองทัพยังขาดแคลนงบ จัดหายุทโธปกรณ์ทดแทนของเก่า เผย 5 ปี ไม่มีเพิ่มขึ้น เชื่อแจงงบต่อสภาได้ ชี้ม็อบป่วนที่สหรัฐฯ หวังดิสเครดิตนายกฯ ขอตรวจสอบโยง "พรรคสีส้ม" หรือไม่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า งบประมาณ 2.33 แสนล้านบาท ของกลาโหมไม่ได้เพิ่มขึ้น เป็นไปตามสัดส่วนของงบประมาณ ซึ่งโดยในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ก็ไม่มีการเพิ่มขึ้น ซึ่งกองทัพก็ขาดแคลนงบมาโดยตลอด

อีกทั้ง มีแผนงานที่จะพัฒนากองทัพ โดยเฉพาะเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งของเดิมที่มีอยู่ก็เก่ามากแล้ว ก็ต้องปรับเปลี่ยน ยืนยันว่าสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของกองทัพไม่ได้มากเกินไป เพราะมีการตั้งหน่วยใหม่ขึ้นมาด้วย

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าควรนำงบประมาณไปซื้อเครื่องบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เพิ่งตกไปนั้น พล.อ.ประวิตร บอกว่าแต่ละหน่วยงานมีงบของตัวเองอยู่แล้ว งบประมาณมีจำนวนน้อยก็ต้องจัดสรรกันไป และเชื่อมั่นว่าจะสามารถชี้แจงในวันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ต่อสภาได้

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีมีคนชูป้ายประท้วงในระหว่างที่นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาบนเวที Asia society ที่องค์การสหประชาชาติ เป็นการดิสเครดิตหรือไม่ โดยยอมรับว่า "ใช่" แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเป็นเรื่องของประชาธิปไตยก็ให้ว่ากันไป ส่วนใครจะอยู่เบื้องหลังนั้น ตนไม่ทราบ พร้อมย้อนถามสื่อมวลชนว่า รู้หรือไม่

ส่วนกรณีที่พบเอกสาร ว่านักการเมืองไทยจ้างล็อบบี้ยิสต์ สร้างความไม่สงบทางการเมืองให้กับประเทศไทย ว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบ ว่ามีการดำเนินการอย่างไร เพราะเจ้าตัวก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนทำ แต่เราก็ต้องตรวจสอบเพื่อความถูกต้อง ในด้านความมั่นคงจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไรหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรยอมรับว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยก็จะต้องส่งผลกระทบทั้งหมด คนไทยจะไปขายประเทศได้อย่างไร ทั้งเรื่องนี้เกิดขึ้นระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเข้าร่วมประชุมที่สหรัฐอเมริกา ตนจึงบอกว่าไม่น่าจะทำเช่นนั้น และผู้ที่มาต่อต้านเองก็ไม่ใช่คนไทย 

ส่วนช่องทางทางกฎหมาย จะดำเนินการได้อย่างไร ขณะนี้ตนยังไม่ทราบ เรื่องนี้ต้องให้นักกฎหมายดูก่อน เนื่องจากยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ

ส่วนเรื่องนี้ มีความเชื่อมโยงกับเอกสาร "โครงข่ายกระบวนการทำลายประเทศ" หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่าไม่เกี่ยวข้องกัน แต่อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นฝ่ายความมั่นคงจะต้องเข้าไปตรวจสอบอยู่แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :