เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ขอต้อนรับนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากประชาชนรอมานานมากกว่า 100 วันหลังการเลือกตั้ง ที่ผ่านมาไม่สามารถตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกได้ ต้องยอมรับและสรุปว่าวุฒิสภาเป็นอุปสรรคในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา

วันนี้หลายคนร่วมแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ คนใหม่ ต้องถือว่าดีลการเมืองครั้งนี้สำเร็จ เพราะหลายคนประเมินว่าถ้าพรรคเพื่อไทยเพลี้ยงพล้ำกลุ่มอำนาจเดิมที่พยายามเปลี่ยนตัวนายกฯ โดยมีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นผู้รับบทบาทจอมแฉแห่งชาติ นายกฯ คนต่อไปอาจเป็นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือไม่ก็นายอนุทิน ชาญวีรกุล แทน 

แต่การที่พรรคเพื่อไทยดีลจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ร่วมด้วยนั้น ก็เป็นดาบสองคมที่ทิ่มแทงพรรคเพื่อไทยเองในเวลานี้ จากกระแสสังคมและคะแนนเสียงประชาชนที่หมดความไว้วางใจ แต่แผลสดที่ต้องกลืนเลือดตนเองนั้นก็แลกมาด้วยผลลัพท์ที่พรรคเพื่อไทยยอมเสียเพื่อได้มา ซึ่งต้องบอกว่า ได้ครบทั้ง 2 เด้ง ได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย และได้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน

ส่วนพรรคก้าวไกลน่าจะเจ็บปวดที่สุด เพราะเหมือนโดนหักหลังจากเสนาธิการใหญ่พรรคเพื่อไทย วันนี้เหมือนจะผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันไปแล้ว และข้อที่เคยกังขาก็สิ้นความสงสัยไปแล้วหลังจากผลลัพท์ที่ออกมา จนหลายคนถึงบางอ้อในการพ่ายแพ้ตั้งแต่กลศึกชิงประธานสภาผู้แทนราษฎร

การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จในรอบนี้ เป็นไปตามดีลการเมืองเก่าที่ประชาชนเคยสงสัยตั้งแต่แรก ว่าจะมีการรวมกันปิดสวิตช์พรรคก้าวไกล โดยการลงขันของกลุ่มทุนและพรรคการเมืองต่างๆ โดยใช้กลไก สว.เป็นเครื่องมือ ผ่าน สว.คนใหม่ที่แต่งตั้งเข้าไป รวมถึงใช้การโจมตีโดยสื่อใหญ่ที่คอยชักใยช่วยจัดตั้งรัฐบาลจนสำเร็จ ผลการเลือกของ สว.ในรอบใหม่นี้ต้องบอกว่า สมาชิกวุฒิสภาได้ลงมาเล่นการเมืองอย่างเต็มตัวจนน่าเกลียด ถ้าเล่นการเมืองกันขนาดนี้ ควรลาออกไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองและลงเลือกตั้งน่าจะเหมาะสมกว่า

ประชาชนคงต้องลุ้นต่อไปว่า คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย 1 จะมีรายชื่อรัฐมนตรีเก่าในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กี่คน และจะกลายเป็น ครม.เต้าหู้ยี้เหมือนเดิมหรือไม่ หรือจะสละบางพรรคออกไปเพราะได้เป็นนายกฯ แล้วเพื่อแก้ปัญหาภาพลักษณ์ ซึ่งประชาชนจะต้องช่วยกันกดดันพรรคเพื่อไทยด้วยว่า ให้มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีความสามารถในการแก้วิกฤติชาติมากกว่าการให้โควต้ากลุ่มการเมืองเหมือนเช่นในอดีต

นอกจากนี้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมสภากลาโหมวันนี้ จากกำหนดการเดิมวันพรุ่งนี้คือ 24 สิงหาคม 2566 ซึ่งแสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการชิงโยกย้าย ผบ.เหล่าทัพ แทนรัฐบาลใหม่ที่จะได้รับการโปรดเกล้าเย็นวันนี้ 

ผมขอเตือนว่าการแต่งตั้งจะเป็นโมฆะ รัฐบาลรักษาการมีบัญญัติไว้ว่าห้ามแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ถ้ายังฝืนทำ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีความผิดม.157 อย่างร้ายแรง โดยมีทางเลือกก็คือต้องไม่ใช่การแต่งตั้ง แต่เป็นการพิจารณาตัวเลือกไว้ให้รัฐบาลใหม่อนมุติ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 169 กำหนดข้อห้ามไว้ว่า รัฐบาลรักษาการห้ามอนุมัติงานหรือโครงการที่ก่อภาระผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ยกเว้นกรณีที่กำหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว และห้ามการแต่งตั้งโยกย้ายหรือถอดถอนบุคลากรของรัฐ เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน