รถหรูระดับซูเปอร์คาร์เหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับถนนสายใหญ่ๆในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ในระยะหลายปีที่ผ่านมา ไม่ต่างจากภาพหญิงสาวชาวจีนที่หิ้วกระเป๋าแอร์เมสเหมือนใบละไม่กี่บาท แต่สิ่งที่กวนตากวนใจชาวจีนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ความหรูหราของรถที่ย่อมขึ้นอยู่กับกระเป๋าของผู้เป็นเจ้าของ แต่เป็นป้ายทะเบียนที่มีตัวอักษรสีแดง ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนรถอันทรงเกียรติ ใช้เฉพาะราชการทหารและข้าราชการระดับสูงเท่านั้น และแน่นอนว่ารถที่มีป้ายทะเบียนกิตติมศักดิ์เหล่านี้ สามารถขับขี่ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวตำรวจ เรียกว่านอกจากยี่ห้อรถจะบ่งบอกสถานะทางเศรษฐกิจของเจ้าของ ทะเบียนรถยังบอกสถานะอำนาจของผู้ขับขี่อย่างเต็มที่

 

รถหรูที่ติดป้ายทะเบียนเหล่านี้ หากเป็นรถประจำตำแหน่งของนายทหารหรือข้าราชการระดับสูง ก็ยังพอจะดูมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่กลับปรากฏว่ารถส่วนใหญ่ที่มีป้ายทะเบียนเหล่านี้ เป็นประเภทรถสปอร์ตหรูหราที่คนขับเป็นวัยรุ่นลูกคนใหญ่คนโต ซึ่งทำให้ชาวจีนส่วนใหญ่รู้สึกว่าป้ายทะเบียนทหารบนรถหรู นอกจากจะเป็นการแสดงถึงการใช้อำนาจในทางมิชอบของข้าราชการระดับสูง ยังเป็นการฟ้องไปในตัวว่าคนเหล่านี้ ใช้อำนาจหาผลประโยชน์จนร่ำรวยผิดปกติเกินหน้าเกินตาคนทั่วไป

 

ด้วยเหตุนี้  รัฐบาลจีนจึงจำเป็นต้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่ภาพลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์และกองทัพจีนจะยิ่งเสื่อมเสียไปมากกว่าเดิม โดยการออกกฎห้ามรถยนต์ส่วนตัว และรถที่มีราคาเกิน 450,000 หยวน หรือ 2 ล้านบาท ใช้ป้ายทะเบียนทหารอย่างเด็ดขาด แถมยังมีการระบุยี่ห้อรถที่ไม่ว่าราคาจะเท่าไหร่ ก็ห้ามติดป้ายทะเบียนทหาร เช่นปอร์เช่ เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู และคาดิลแล็ก ซึ่งล้วนเป็นรถที่มีภาพลักษณ์หรูหราราคาแพง

 

นอกจากนโยบายนี้จะออกมาเพื่อกู้ภาพลักษณ์ของกองทัพและพรรคคอมฯ จุดประสงค์หลักอีกประการของการจำกัดการออกป้ายทะเบียนทหาร ก็คือการกวาดล้างทะเบียนทหารปลอม ซึ่งกลายเป็นปัญหาอาชญากรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปทั่วประเทศจีน จากการที่ป้ายทะเบียนทหารมีการใช้กันอย่างแพร่หลายพร่ำเพรื่อมากเกินไปจนการตรวจสอบทำได้ยาก โดยทางกองทัพยืนยันว่านโยบายนี้ต้องถูกผลักดันให้สำเร็จให้ได้ เพราะมีทั้งความศักดิ์สิทธิ์ของกองทัพ และความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนเป็นเดิมพัน