ก.ทรัพยากรฯ ร่วมกับ กทม. เดินหน้าปรับปรุงเตาเผาศพให้เป็นแบบปลอดมลพิษ เพื่อลดปริมาณสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยตั้งแต่ปี 2543 เปลี่ยนเตาเผาศพได้มากกว่า 90% ของจำนวนวัดทั้งหมดแล้ว

กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร รายงานการกำกับดูแลฌาปนสถาน เพื่อลดการปล่อยสารไดออกซินและฟิวแรนจากการเผาศพ ของวัดทั่วกรุงเทพมหานคร เนื่องจากสารเหล่านี้ เกิดจากกระบวนการเผาศพที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้มีสารตกค้าง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนในพื้นที่    

โดย สารไดออกซินและฟิวแรน  เป็นมลพิษที่สามารถตกค้างในสิ่งแวดล้อมได้ยาวนาน  และสะสมได้ดีในสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง และเป็นพิษต่อระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้เกิดความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์และทารก โดยสารทั้งสองชนิด  เกิดขึ้นได้ทั้ง เตาเผาขยะติดเชื้อ และเตาเผาศพ เป็นต้น

จากการเก็บข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยหนาแน่น แต่ละวัดจะมีพิธีฌาปนากิจศพ เดือนละ 2,500 ร่าง หากไม่มีการควบคุม หรือปรับเปลี่ยนเตาให้เป็นแบบปลอดมลพิษ  คือมีห้องเผาควัน และห้องเผาศพ สารทั้งสองชนิด ก็อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยโดยรอบได้

ซึ่งตั้งแต่ปี 2543  กรุงเทพมหานคร สามารถรณรงค์ สนับสนุน และร่วมแก้ไขเตาเผาศพได้แล้ว  299 แห่ง จากวัดที่มีการฌาปนสถาน 313 แห่งทั่ว  หรือคิดเป็นร้อยละ 96.45 โดยใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติสุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. 2528   ขณะนี้ยังเหลือวัด 14 แห่ง ที่ยังไม่มีการปรับปรุง โดยส่วนใหญ่เป็นวัดขนาดกลาง

ขณะที่กรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า นอกจากการเปลี่ยนระบบของเตาเผาศพแล้ว ยังต้องขอความร่วมมือญาติของผู้เสียชีวิต ให้หลีกเลี่ยงการใส่วัสดุที่ไม่จำเป็นลงไปในเตาเผาศพ เช่น ของใช้ส่วนตัว กระดาษเงินกระดาษทอง วัสดุตกแต่งที่เป็นพลาสติก เพราะเป็นสาเหตุของการปล่อยสารไดออกซินและฟิวแรนได้เช่นกัน

การดำเนินการนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการจัดการมลพิษทางอากาศและเสียงในกรุงเทพมหานคร ระหว่างปี  2555-2559 และแผนจัดการระดับชาติ  เพื่อการปฏิบัติตามอนุสัญญาสตอกโฮล์ม ว่าด้วยสารมลพิษตกค้างยาวนาน เพื่อทำให้กรุงเทพ เป็นเมืองนำร่องการลดสารอันตรายจากการเผาศพ ภายในปี 2559 ก่อนจะนำแนวทางนี้ ไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ