ปาเลสไตน์ ประเทศคู่แค้นของอิสราเอล ใครจะเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ จะมีที่ท่องเที่ยวสวยงามซ่อนตัวอยู่มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น
ใครจะเชื่อว่าปาเลสไตน์ ดินแดนแห่งสงคราม และความขัดแย้ง จะมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย ที่รอให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชม โดยเมืองเล็กๆแห่งนี้ เพิ่งได้รับการรับรองจากสหประชาชาติให้เป็นรัฐชาติเมื่อปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่พอใจของอิสราเอล ประเทศเพื่อนบ้านคู่แค้น ทำให้แนวโน้มของความขัดแย้งยังคงปะทุอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แม้ว่านักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง จะแสดงความไม่มั่นใจ ที่จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในปาเลสไตน์ช่วงนี้ แต่ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจำนวนมาก ก็ยังคงมุ่งหน้า เข้าสู่ดินแดนที่น่าค้นหาแห่งนี้เช่นเดียวกัน วันนี้ เราจะพาคุณผู้ชมมาเจาะลึกการท่องเที่ยวในปาเลสไตน์กัน
เริ่มกันที่สถานที่แห่งแรก นั่นก็คือเมืองเบธเลเฮม สถานที่ประสูติของพระเยซู หากใครที่มาถึงเมืองแห่งนี้ ขอแนะนำเลยค่ะว่า ต้องเดินเที่ยวเท่านั้นถึงจะเห็นครบทุกด้าน เพราะเมืองแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก และสถานที่สำคัญแต่ละแห่งตั้งแต่โบสถ์ที่เป็นสถานที่ประสูติของพระเยซู ไปจนถึงทุ่งเลี้ยงแกะอันเลื่องชื่อ ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล ตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงความเก่าแก่ของความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แต่ละแห่งได้อย่างใกล้ชิด
ต่อมาเราจะพาไปที่ เมืองศูนย์กลางของปาเลสไตน์ นั่นก็คือเมืองรามัลเลาะห์ สถานที่แห่งนี้ จะค่อนข้างแตกต่างจากเมืองอื่นๆของปาเลสไตน์ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถานที่ราชการหลายแห่ง ตลอดจนร้านค้า และบริษัทเอกชนจำนวนมาก ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงรามัลเลาะห์ ก็จะพบกับความคึกคัก และวัฒนธรรมอันหลากหลายของชาวปาเลสไตน์ และสิ่งที่พลาดไม่ได้ ก็คือการไปเยี่ยมชมหลุมศพของนายยัดเซอร์ อาราฟัต อดีตผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ของปาเลสไตน์ ซึ่งหลุมศพดังกล่าวถือเป็นหลุมศพชั่วคราว เนื่องจากทางการปาเลสไตน์ได้วางแผนไว้ว่า หากสามารถยึดเยรูซาเลมกลับคืนมาจากอิสราเอลได้ ก็จะนำร่างของนายอาราฟัตไปฝังไว้ที่นครเยรูซาเลมแทน
จากเมืองหลวงของปาเลสไตน์ เราขอพาคุณผู้ชมออกมานอกเมืองอีกสักหน่อย ด้วยการมุ่งหน้าไปยังเมทองเจอริโค เมืองที่ได้รับการขนานนามว่า เก่าแก่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีการค้นพบกำแพงเมืองเก่าอายุกว่า 9,000 ปี ซึ่งนักโบราณคดีสันนิษฐานว่า เมืองๆนี้เคยมีผู้อาศัยอยู่เมื่อราว 10,000 ปีที่แล้ว นอกจากนี้ สถานที่ตั้งของตัวเมือง ยังอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 260 เมตร ทำให้ได้รับการบันทึกสถิติว่า เป็นเมืองที่อยู่ต่ำที่สุดในโลก ซึ่งนักโบราณคดีได้ขุดพบหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญหลายต่อหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พักตากอากาศโบราณ สมัยศตวรรษที่ 7 หรือสถาปัตยกรรมล้ำค่ามากมาย ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบถ้ำ ที่เชื่อว่า พระเยซูทรงใช้เป็นที่ประทับ ระหว่างการอดอาหารนานกว่า 40 วันอีกด้วย