ไม่พบผลการค้นหา
ดุสิตโพล เผยผลสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.90 ไม่มั่นใจรัฐบาลจะแก้ไขสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ชี้ไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมชัดเจน แก้ปัญหาล่าช้า แนะออกมาตรการบังคับใช้อย่างจริงจัง

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจาก ฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤติ เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นยังคงน่าเป็นห่วง ในหลายพื้นที่พบปริมาณเกินมาตรฐานที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ต่อ สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 “สวนดุสิตโพล”มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,376 คน ระหว่างวันที่ 21-25 มกราคม 2563 สรุปผลได้ ดังนี้ 

เมื่อถามว่าประชาชนติดตามข่าวสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มากน้อยเพียงใด ร้อยละ55.09 ติดตามเป็นประจำทุกวัน เพราะสถานการณ์รุนแรง เข้าขั้นวิกฤต กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน อยากรู้ค่าฝุ่นละอองในแต่ละวันว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลง ฯลฯ ร้อยละ35.03 ติดตามบ้างเป็นบางวัน เพราะอยากรู้รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม ความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ฯลฯ ร้อยละ 8 ไม่ค่อยได้ติดตาม เพราะทำให้รู้สึกเครียด กังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากรับรู้ข้อมูลมากเกินไป ฯลฯ และร้อยละ1.88 ไม่ได้ติดตามเลย เพราะไม่มีเวลา ต้องทำงาน ไม่อยากรู้ สนใจเรื่องปากท้องมากกว่า ฯลฯ

เมื่อถามว่าประชาชนรู้สาเหตุของการเกิดฝุ่น PM2.5 หรือไม่ ร้อยละ84.30 รู้ สาเหตุ คือ เกิดจากตัวเราเอง การก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม ควันจากท่อไอเสียของรถที่มีจำนวนมากในท้องถนน การเผาไหม้ต่างๆ เช่น เผาป่า เผาหญ้า เผาขยะ อาหารปิ้ง ย่าง สภาพอากาศแปรปรวน ป่าไม้ลดลง ฯลฯ ขณะที่ร้อยละ15.70 ไม่รู้เพราะไม่สนใจ เป็นฝุ่นทั่ว ๆ ไป ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร ฯลฯ 

เมื่อถามว่าประชาชนคิดว่าสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบในเรื่องใดบ้าง ร้อยละ 94.45 สุขภาพร่างกาย ระบบทางเดินหายใจ สมอง ร้อยละ22.65 เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ร้อยละ 12.94 การดำเนินชีวิตประจำวัน การทำกิจกรรมนอกบ้าน ร้อยละ10.17 สภาพอากาศ ทัศนวิสัยในการมองเห็น และร้อยละ4.31 สุขภาพจิต อารมณ์ 

เมื่อถามว่าประชาชนมีวิธีการที่จะไม่ให้เกิดฝุ่น หรือ ไม่เพิ่มฝุ่น ด้วยวิธีใดบ้าง ร้อยละ60.86ใช้รถส่วนตัวน้อยลง ใช้บริการรถสาธารณะแทน ตรวจเช็คเครื่องยนต์ ร้อยละ44.26ไม่เผาไหม้ในที่โล่ง ไม่สูบบุหรี่ ปิ้ง ย่าง และร้อยละ24.80ทำความสะอาดบ้าน ปลูกต้นไม้ รักษาสิ่งแวดล้อม

เมื่อถามว่าประชาชนมีวิธีการป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 อย่างไร ร้อยละ96.00 สวมหน้ากากอนามัย ร้อยละ35.84ลดการทำกิจกรรมนอกบ้าน อยู่บ้านมากขึ้น หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่น ร้อยละ11.68ดูแลสุขภาพ กินอาหาร กินวิตามิน ติดตั้งเครื่องกรองอากาศ

เมื่อถามว่าประชาชนคิดว่ารัฐบาลควรมีวิธีการป้องกันและแก้ไขอย่างไร ร้อยละ33.77ออกมาตรการต่าง ๆ บังคับใช้อย่างจริงจัง เช่น จำกัดปริมาณรถส่วนบุคคลให้ใช้รถสาธารณะ ห้ามเผาไฟ ร้อยละ31.36ตรวจจับรถทุกประเภทที่มีควันดำ กำหนดเวลาวิ่งของรถบรรทุก ร้อยละ26.97ฉีดน้ำ พ่นละอองน้ำ ทำฝนหลวง ร้อยละ24.78 แจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน มีระบบแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นแต่ละวัน ร้อยละ16.45ควบคุมการปล่อยควันพิษของโรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้างต่างๆ

เมื่อถามว่าประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลจะแก้ไขสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้มากน้อยเพียงใด ร้อยละ52.90 ไม่มั่นใจเลย เพราะไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมชัดเจน รัฐบาลแก้ปัญหาล่าช้า กระทบต่อสุขภาพของประชาชน ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ฯลฯ ร้อยละ40.70 ไม่ค่อยมั่นใจเพราะ ประชาชนต้องดูแลตัวเอง สถานการณ์ฝุ่นยังมีทุกพื้นที่ แก้ไขได้ยาก มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดฝุ่น ฯลฯ ร้อยละ4.80ค่อนข้างมั่นใจ เพราะ รัฐบาลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายช่วยกันอย่างเต็มที่ ฯลฯร้อยละ1.60มั่นใจมาก เพราะ มีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับปัญหา ปีที่ผ่านมาสามารถแก้ไขได้ ฯลฯ