บริษัทวิศวกรรมของญี่ปุ่น คิดค้นวิธีการทุบทำลายอาคารสูงรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นการทำลายแบบชั้นต่อชั้น เพื่อความปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
โรงแรมแกรนด์ปริ้นซ์อากาซากะ ในกรุงโตเกียว ของญี่ปุ่น ซึ่งมีความสูง 40 ชั้น กำลังจะถูกเปลี่ยนโฉมให้เป็นอาคารรูปแบบใหม่ แต่การปรับปรุง หรือทำลายอาคารหลังดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางมหานครที่มีผู้คนพลุกพล่าน และแออัดเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการทำลายอาคารด้วยวิธีการระเบิดแบบที่ใช้กันทั่วไปนั้น อาจสร้างความเสียหายให้กับอาคารโดยรอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น วิศวกรของบริษัทไทเซอิ บริษัทรับเหมาทุบอาคารจากเมืองโยโกฮามา จึงนำวิธีการทุบอาคารแบบใหม่ ซึ่งเป็นการทำลายแบบชั้นต่อชั้น โดยใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ มาใช้ทำลายโครงสร้างภายในของอาคารแห่งนี้แทน
นายฮิเดกิ อิชิฮาระ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัทไทเซอิ อธิบายถึงขั้นตอนการทุบตึกแบบใหม่นี้ว่า กระบวนการจะเริ่มจากการติดตั้งโครงเกาะยึดไว้บนยอดตึก ต่อด้วยการติดตั้งระบบไฮโดรลิกจำนวน 15 ตัวตามจุดต่างๆ ของบริเวณชั้นที่จะทำการทุบ จากนั้นรถเครนจำนวน 5 คันจะทำการทุบผนัง และเพดานแบบชั้นต่อชั้น ซึ่งวิธีดังกล่าว สามารถทำลายพื้นอาคารได้ถึง 2 ชั้น ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง
นายอิชิฮาระยังกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทของเขาได้ศึกษาวิธีการทุบตึกแบบใหม่นี้มานานกว่า 18 เดือน ก่อนที่จะนำมาทดสอบใช้กับอาคารหลังดังกล่าว ซึ่งวิธีนี้จะสามารถช่วยให้การทุบอาคารบริเวณใจกลางเมืองมีความปลอดภัย และส่งผลกระทบต่ออาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงได้น้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้วิธีการทุบตึกแบบชั้นต่อชั้น ของบริษัทไทเซอิ จะกินเวลานานถึง 6 หรือ 7 เดือน แตกต่างจากวิธีการทำลายตึกแบบระเบิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งสามารถทำลายอาคารได้ภายในชั่วพริบตา แต่นายอิชิฮาระกล่าวว่า วิธีการทำลายตึกแบบใช้ระเบิด อาจไม่เหมาะกับกรุงโตเกียวมากนัก เนื่องจากปัจจุบัน โตเกียวมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่ติดกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การระเบิดตึก 1 หลัง จะสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างให้กับอาคาร และบ้านเรือนโดยรอบ นอกจากนี้ วิธีระเบิดตึกยังก่อให้เกิดฝุ่นละอองมากกว่าการทุบตึกแบบชั้นต่อชั้นถึงร้อยละ 80 อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ นายอิชิฮาระหวังว่า วิธีการทุบตึกแบบชั้นต่อชั้นที่ว่านี้ จะเป็นเทคโนโลยีที่เมืองใหญ่ทั่วโลก สามารถนำไปใช้รื้อถอนตึกสูงที่มีอายุเก่าแก่นับร้อยปี ซึ่งมีโครงสร้างและหลักวิศวกรรมล้าสมัย เนื่องจากวิธีนี้ถือเป็นวิธีที่สร้างผลกระทบด้านลบให้กับสิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพของประชาชนน้อยที่สุด
