วันที่ 20 มี.ค.66 เวลา 10.00 น.ที่ศูนย์ราชการฯอาคาร B ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นเอกสารเพื่อชี้ช่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)และนายทะเบียนพรรคการเมืองให้สืบสวนหรือไต่สวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคสีส้มท่านหนึ่ง ได้ไปปราศรัยหาเสียงในเวทีพลเมืองจังหวัดพิษณุโลก หน้า รร.มัธยมมหาวิทยาลัยนเรศวร ถ.สนามบิน เมื่อ 5 มี.ค.66 ที่ผ่านมามีลักษณะการหมิ่นสถาบันและ/หรือเป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่
ทั้งนี้สืบเนื่องจากมีชาวบ้านในจังหวัดพิษณุโลกได้จัดส่งคลิปวิดีโอไลฟ์สดของการปราศรัยหาเสียงของ ส.ส.ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคสีส้มท่านหนึ่งมาให้สมาคมฯได้ตรวจสอบ ซึ่งพบว่าการปราศรัยส่วนใหญ่เน้นไปในด้านการปฏิรูปสถาบัน และมีบางถ้อยคำบางตอนมีลักษณะให้ร้ายสถาบันหรือหมิ่นสถาบัน อันเสี่ยงต่อความผิดตาม ปอ.112 รวมทั้งมีลักษณะใส่ร้ายสถาบันด้วยความเท็จ เพื่อจูงใจให้ประชาชนที่มาร่วมรับฟังหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้กับตนเองและพรรคการเมืองที่ตนสังกัด ในคราวการเลือกตั้งในเดือน พ.ค.66 นี้ อันเป็นข้อห้ามตาม ม.73(5) ของ พรป.เลือกตั้ง ส.ส.2561
อีกทั้ง การปราศรัยโดยนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้งนั้น ถือเป็นสิ่งต้องห้ามตามข้อ 17 ของระเบียบของ กกต. ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้เคยมีหนังสือเตือนไปยังพรรคการเมืองต่างๆ อยู่เสมอว่าห้ามนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาหาเสียงโดยเด็ดขาด แต่ทว่าก็ยังปรากฏว่ามีพรรคการเมืองบางพรรคยังคงที่จะนำประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันมาใช้ประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้หาก กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ทำการสืบสวนหรือไต่สวนแล้วพบว่าเป็นความผิดหรือเป็นการฝ่าฝืนตามการชี้ช่องของสมาคมฯ กกต.ก็อาจมีมติเสนอให้ศาล รธน.เพื่อวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนดังกล่าวได้ ตาม ม.92(1) หรือ (2) และ ม.93 ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ เนื่องจากผู้ที่ปราศรัยให้ร้ายสถาบันดังกล่าวมีสถานะเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั่นเอง