สำนักข่าวไทยรายงาน วานนี้ 4 พ.ย. พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.นาจอมเทียน รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ 3 ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ใช้อาวุธมีดทำร้ายตำรวจประจำศาลจังหวัดพัทยาในห้องคุมขังบริเวณด้านหลังอาคารคุมตัวผู้ต้องหาศาลจังหวัดพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และก่อนหลบหนีไปขึ้นรถกระบะยังใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า จึงประสานหน่วยกู้ชีพและหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์พัทยาเร่งเข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ คือ ร.ต.อ.ธนะเมศฐ์ โพธิพันธ์ รอง สวป.สภ.สัตหีบ ช่วยราชการศาลจังหวัดพัทยา ถูกมีดพับขนาดเล็กปักคาอยู่ที่ลำตัว เจ้าหน้าที่ได้นำส่งโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จ.ชลบุรี
เบื้องต้นทราบว่าวันนี้ทางเรือนจำพิเศษหนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้นำผู้ต้องหาคดีต่างๆ จำนวน 14 ราย มาที่ศาลจังหวัดพัทยา เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน จากนั้นได้คุมตัวทั้งหมดเข้าสู่ห้องควบคุมตัวด้านหลังอาคารศาล ขณะนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำศาลได้ยินเสียงผิดปกติจากด้านใน จึงวิ่งเข้าไปตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหา 3 ราย เป็นชายต่างชาติ 1 ราย ชายไทย 1 ราย และหญิงไทยอีก 1 ราย ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนวิ่งตามกันออกมา พร้อมยิงปืนขึ้นฟ้า 3 นัด แล้วพากันวิ่งขึ้นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ไม่ทราบทะเบียน จอดอยู่ด้านหน้าศาลหลบหนีไปทางถนนเทพประสิทธิ์ ทางตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้ประสานกำลังตำรวจพื้นที่ใกล้เคียงช่วยสกัดจับ สำหรับผู้ต้องหาที่หลบหนีไปทั้ง 3 ราย ต้องคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ส่วนผู้ก่อเหตุแทงเจ้าหน้าที่บาดเจ็บเป็นผู้ต้องหาชาวไทยชื่อนายหน่อย
มติชนออนไลน์ เปิดเผยว่า วันนี้ (5 พ.ย.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้า 3 ผู้ต้องหาคดียาเสพติดใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลจังหวัดพัทยาจนบาดเจ็บว่า ได้รับรายงานจาก ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ว่าศาลจังหวัดพัทยาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายทั้ง 3 คน ที่หลบหนีขณะอยู่ในควบคุมของเรือนจำดังกล่าว ได้แก่ นายหน่อย นิลเทศ นายบาร์ท อัลเลน เฮลมัส และน.ส.สิรินภา วิเศษฤทธิ์ ในฐานความผิด "ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำตามหน้าที่ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจศาล โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยมีหรือใช้อาวุธปืน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน โดยไม่มีเหตุอันควร ร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร"
สำหรับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น ภ.จว.ชลบุรี ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว พร้อมทั้งภายหลังเกิดเหตุได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.ชลบุรีและตามแนวเขตชายแดนตั้งจุดตรวจจุดสกัดทุกเส้นทางการหลบหนี รวมทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี เพื่อหาเบาะแสของคนร้ายให้ได้มากที่สุด
ส่วนความคืบหน้าในขณะนี้นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ,กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ได้ร่วมกันบูรณาการกำลังสืบสวนสอบสวน จนสามารถพิสูจน์ทราบรายละเอียดรถยนต์ที่คนร้ายใช้หลบหนี พร้อมทั้งผู้ต้องสงสัย อีก 5 คน ที่คาดว่าร่วมกันวางแผนพาตัวผู้ต้องหา ทั้ง 3 คน หลบหนีจากควบคุมของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ฝากเตือนให้ผู้ต้องขังทั้ง 3 รายมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ พร้อมสั่งการให้ เร่งสืบสวน ไล่ล่า กดดัน และจับกุม ผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาดำเนินตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี ต้องทำงานกันอย่างระมัดระวังมากที่สุด เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนและมีด โดยหากมีการต่อสู้ขัดขืนและประสงค์ถึงชีวิตเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยต้องกระทำไปตามหลักยุทธวิธี ระดับการใช้กำลัง ตลอดจน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำศาล เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมคาดโทษหากมีข้อบกพร่อง ปล่อยปละละเลย