ความงดงามของโบราณวัตถุ ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์เรื่องราวของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะในยุคสมัย จิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีน ผู้รวบรวมอำนาจเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกันเมื่อกว่า 2,200 ปี ได้ถูกนำมาจัดแสดงผ่านนิทรรศการ ครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้นำโบราณวัตถุ จาก พิพิธภัณฑ์สุสานจักพรรดิจิ๋นซี เมืองซีอาน และพิพิธภัณฑ์ชั้นนำ 14 แห่ง จาก สาธารณรัฐประชาชนจีน มาให้คนไทยได้ชม พร้อมศึกษาประวัติศาสตร์ ใน นิทรรศการพิเศษ จิ๋นซีฮ่องเต้: จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา โดยความร่วมมือระหว่างกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ประเทศไทย พร้อมการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน สำนักงานบริหารมรดกวัฒนธรรมมณฑลส่านซี ศูนย์ส่งเสริมมรดกวัฒนธรรมมณฑลส่านซี พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลส่านซี และพิพิธภัณฑ์สุสานจักรพรรดิจิ๋นซีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน รวบรวมโบราณวัตถุสำคัญ จำนวน 86 รายการ รวม 133 ชิ้น ซึ่งมีอายุกว่า 2,200 ปี จากพิพิธภัณฑ์ชั้นนำ 14 แห่ง ในสาธารณรัฐประชาชนจีน มาจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยเนื้อหานิทรรศการเป็น 4 หัวข้อหลัก ดังนี้
1. พัฒนาการก่อนการรวมชาติ ยุคราชวงศ์โจวตะวันออก นำเสนอความเป็นแคว้นต่าง ปกครองเป็นเอกเทศ มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการหล่อสำริด เช่น การผลิตอาวุธ เครื่องดนตรี เงินตรา รวมถึงความก้าวหน้าทางการทหาร ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมให้แคว้นฉินที่เป็นแคว้นขนาดเล็กในเขตชายแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนโบราณ กลายเป็นจักรวรรดิที่แข็งแกร่งในเวลาต่อมา ซึ่งโบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดงทำให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางด้านโลหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ภาชนะสำริด อาวุธและเงินตรา
2. จิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของจีน ผู้ผนวกโลกมนุษย์และสวรรค์ มหาราชองค์แรกในประวัติศาสตร์จีนที่โลกต้องจารึก ประมาณ 2,200 กว่าปีมาแล้ว จิ้นซีฮ่องเต้ประสูติในฐานะเจ้าชายแห่งแคว้นฉิน 13 พรรษา ได้รับการสถาปนาขึ้นปกครองแคว้นฉินแทนพระราชบิดา และประกอบพิธีราชาภิเษก เมื่อพระชนมายุ 22 พรรษา พระราชกรณียกิจของพระองค์ได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน เช่น ราชวงศ์ฉิน การผนวกแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น การปฏิรูประบบการปกครองแบบรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ตวง วัด ระบบเงินตรา ภาษาเขียน และการพัฒนาสาธารณูปโภค ทรงริเริ่มให้มีการก่อสร้างและเชื่อมต่อแนวกำแพงดินอัดของแคว้นต่างๆ เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกศัตรูจนกลายเป็นกำแพงเมืองจีน
3.สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี มหาอาณาจักรใต้พิภพ จิ๋นซีฮ่องเต้มีความปรารถนาที่จะมีชีวิตเป็นอมตะ จึงเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะและสร้างสุสานเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตหลังความตายหรือโลกหน้า ซึ่งได้รับการบันทึกไว้โดย "ชื่อหม่าเฉียน" อาลักษณ์สมัยราชวงศ์ฮั่น พรรณนารายละเอียดอันน่าทึ่งของมหาสุสานจักรพรรดิจินซี และปริศนาได้กระจ่างขึ้นเมื่อมีการค้นพบหุ่นทหารดินเผา เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2517 หรือ ค.ศ.1974 ซึ่งองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้ยกย่องและประกาศให้สุสานจักรพรรดิจิ๋นซีเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อพ.ศ.2530 โบราณวัตถุในส่วนจัดแสดงนี้เป็นส่วนสำคัญของนิทรรศการ เช่น หุ่นทหารและม้าดินเผา เสื้อเกราะ อาวุธสำริด และรถม้าสำริด
4. สืบสานความรุ่งโรจน์: ยุคราชวงศ์ฮั่น มรดกทางวัฒนธรรมจากจักรพรรดิจิ๋นซีและราชวงศ์ฉิน ส่งต่อสู่ราชวงศ์ฮั่น ส่วนสุดท้ายของนิทรรศการจัดแสดงโบราณวัตถุจากสุสานในสมัยราชวงศ์ฮั่น และโบราณวัตถุที่ บอกเล่าเรื่องราวประเพณี วิถีชีวิต ความรุ่งเรือง ทางด้านวัฒนธรรม การเมือง การปกครอง สังคม เกษตรกรรม และเทคโนโลยีทางการทหาร ตลอดจนการค้าและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างชาวจีนโบราณกับชาวต่างชาติบนเส้นทางสายแพรไหมสะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ นับเป็นยุคทองของงานศิลปกรรมและอารยธรรมจีนอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและแบ่งปันให้ผู้เข้าชมได้ชมนิทรรศการอย่างทั่วถึง มีข้อปฏิบัติในการเข้าชม คือ ห้ามถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายรูป อนุญาตให้ถ่ายภาพโดยใช้กล้องมือถือเท่านั้น งดใช้แฟลช งดถ่ายภาพเคลื่อนไหว ไลฟ์ผ่านสื่อออนไลน์ งดใช้ไม้เซลฟี่และขาตั้งกล้อง โดยรูปที่ถ่ายห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์เด็ดขาด ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่ม กระเป๋าใบใหญ่เข้าชมนิทรรศการ ข้อระมัดระวังอีกอย่าง อย่าแตะต้องกระจกขณะชม เนื่องจากเป็นกระจกนิรภัยจะทำให้เกิดสัญญานดังขึ้น โดยการเข้าชมนิทรรศการ เจ้าหน้าที่จะจัดสรรเป็นรอบๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ชมอย่างทั่วถึง ไม่แออัด พร้อมมีภัณฑารักษ์คอยบรรยายและให้ความรู้
สำหรับ นิทรรศการพิเศษ เรื่อง "จิ๋นซีฮ่องเต้: จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา" ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร จะมีพิธีเปิดนิทรรศการในวันที่ 15 กันยายน และเปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นพิเศษในวันจันทร์ 16 และวันอังคารที่ 17 กันยายน จากนั้นจะเปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ - อาทิตย์ จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์ - อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โทร. 022241333 และ 022241402