นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ในหลายพื้นที่ของประเทศประสบปัญหาภัยแล้ง ได้กำชับให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ ที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง มีมาตรการบริหารจัดการน้ำ อาทิ แผนจัดหาและสำรองน้ำ มาตรการประหยัดน้ำ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการบริการประชาชน หากกรณีน้ำสำรองไม่เพียงพอ ให้ประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆ เพื่อขอรับการสนับสนุน
สำหรับที่จังหวัดสุรินทร์ โรงพยาบาลสุรินทร์ อยู่ในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง โรงพยาบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีภัยแล้งเพื่อประเมินสถานการณ์น้ำประจำวัน ได้มีมาตรการรองรับภัยแล้งดังนี้
1.จัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น เช่น ขุดเจาะน้ำบาดาล รวมทั้งขอรับการสนับสนุนน้ำจากหน่วยงานอื่น
2.ปรับรูปแบบการให้บริการเพื่อลดการใช้น้ำ แต่ยังคงมาตรฐานทางการแพทย์ เช่น การใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือแทนน้ำ ใช้อุปกรณ์ เสื้อผ่าตัด ผ้าคลุมผ่าตัด ถุงมือแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
3.มาตรการประหยัดน้ำ เช่น ปิดห้องน้ำ ห้องสุขา ที่ไม่จำเป็น ประกาศขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่และผู้มารับบริการถึงมาตรการประหยัดน้ำของโรงพยาบาล
“ขอยืนยันว่าโรงพยาบาลสุรินทร์ ยังให้บริการประชาชนได้ตามปกติ ไม่ต้องวิตกกังวล ข่าวที่ออกไปน่าจะเกิดจากการสื่อสารที่ไม่ตรงกัน ได้สั่งการให้รายงานสถานการณ์วันต่อวัน ปัญหาที่เกิดขึ้นได้รับการแก้ไขตามแผนที่วางไว้ และส่วนกลางได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือตลอด ไม่กระทบกับผู้มารับการบริการแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ โรงพยาบาลสุรินทร์มีความต้องการใช้น้ำ 800,000 – 1,000,000 ลิตรต่อวัน มีระบบสำรองน้ำ 1.4 ล้านลิตร ได้ขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวันละ 80,000 ลิตร ซึ่งยังสามารถให้บริการประชาชนได้ตามปกติ ภายใต้มาตรการประหยัดน้ำ คาดว่า 2-3 วันนี้ ระบบประปาของจังหวัดจะสามารถจ่ายน้ำได้ตามปกติโดยบ่ายวันนี้ (9 ส.ค.62 ) จะมีการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรับทราบสถานการณ์ และการเตรียมการช่วยเหลือจากส่วนกลาง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :