นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระองค์กร อัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และ กองทุน กล่าวถึงกรณี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.กระทรวงแรงงาน จะเพิ่มเงินชดเชยว่างงานจากเหตุฉุกเฉินให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในสถานการณ์โควิด-19 จากร้อยละ 62 ให้เป็นร้อยละ 75
โดยการคืนเงินบางส่วนที่เป็นของลูกจ้างเองนั้น ควรคืนอย่างน้อยร้อยละ 80 ของค่าจ้างเป็นระยะเวลา 3 เดือน ทันที และรัฐบาลต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด อย่าดึงเวลา เพราะความเดือดร้อนของประชาชนมีทุกวินาที
ทั้งนี้สัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ทำหนังสือถึงเลขาฯ กองทุนประกันสังคมให้ชี้แจงถึงสถานการณ์การเงินและการนำเงินไปลงทุนต่างๆ ที่ประชาชนควรทราบ โดยกองทุนชี้แจ้ง ณ วันที่ 8 พ.ค.2563 ว่ามีเงินที่ใช้ได้เพียงแค่ประมาณ 16,000 ล้านบาทเท่านั้น ส่วน 2.2 ล้านล้านบาทนั้น ถูกนำไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและอื่นๆ ร้อยละ 82 หรือประมาณ 1.67 ล้านล้านบาท ส่วนอีกร้อยละ 18 ไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่มีความเสี่ยง อาทิ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำประมาณ 80,000 ล้านบาท ทั้งในและต่างประเทศ
ทำให้เห็นว่าวันนี้รัฐมนตรีแรงงานต้องตัดสินใจในฐานะผู้นำสูงสุด เพื่อผู้ประกันตน ที่กำลังเดือดร้อนสูงสุดเช่นกัน โดยเฉพาะปัญหาที่ออกมาอ้างว่า สนง.ประกันสังคมยังใช้ระบบ แมนนวลด้วยการเขียนมือเพราะระบบคอมพิวเตอร์ล้าสมัย ยิ่งทำให้เห็นความหละหลวมและไร้ความสามารถทางการบริหาร เพราะการดูแลเม็ดเงินของประชาชนกว่า 2 ล้านล้านบาทนั้น จะทำแบบนี้ไม่ได้ อย่าปล่อยให้ประชาชนจะฆ่าตัวตายกันมากไปกว่านี้ทั้งที่เป็นเงินของประชาชนเอง ทำไมไม่คืนให้ประชาชน
ดันจ่ายเงินทดแทน ร้อยละ 75 ทำไม่ได้ลาออก
นายจิรายุ กล่าวว่า กรณี ม.ร.ว.จัตุมงคล เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้สำนักงานประกันสังคม เพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 กรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ได้รับเงินทดแทนจากร้อยละ 62 ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน เป็นร้อยละ 75 แต่ไม่เกินเพดาน 15,000 บาท ซึ่งมีประมาณ 9.9 แสนคนเศษนั้น ต้องเร่งดำเนินการก่อน หากทำไม่ได้ ควรลาออกไป ให้ผู้ที่กล้าทำเพื่อประชาชนมาดำเนินการแทน
หากมีผู้ประกันตนฆ่าตัวตายอีกรัฐบาลต้องรับผิดชอบ การประชุมคณะกรรมการ (บอร์ดประกันสังคม) เมื่อ 8 พ.ค.ไม่ดำเนินตามนโยบาย รัฐบาลหักแนวคิดของ หม่อมเต่า เรียกว่าหยามหน้าไม่สนใจกัน โดยบอร์ดออกมาประกาศว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของ รมต.ที่จะจ่ายให้ร้อยละ 75 โดยอ้างว่าเป็นห่วงสถานภาพการเงินของกองทุนนั้น
ถือเป็นเรื่องอันตรายสำหรับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐมนตรี ซึ่งการประชุม ครม.ในวันอังคารนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล รัฐมนตรีแรงงาน มีน้ำยาและกล้าตัดสินใจที่จะช่วยเหลือประชาชนหรือไม่ทั้งๆ ที่เป็นเงินของประชาชน ซึ่งในภาวะเช่นนี้ควรเร่งดำเนินการและไม่มีเหตุผลใดจะต้องมากังวล
"ผมจะรอดูน้ำยาของ จับกังในวันอังคารที่จะถึงนี้ว่าจะยืนเคียงข้างผู้ใช้แรงงานที่จ่ายเงินประกันสังคมทั้งๆ เป็นเงินของพวกเขาเองหรือไม่ เพราะหากเป็นรัฐมนตรีแล้วไม่สามารถทำเพื่อประชาชน ควรลาออกไปเลี้ยงหลานจะดีกว่า" นายจิรายุกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :