ไม่พบผลการค้นหา
ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มประชาชนพันคนเดินเท้าบุกทำเนียบ ทวงมติให้ ครม. ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการรวมกลุ่ม พร้อมตั้งเวทีปราศรัยอัดรัฐยกร่างกฎหมายเพื่อควบคุมเสรีภาพประชาชน ขณะที่ ตร. ตั้งแบริเออร์เป็นกำแพงปิดกั้นทางเข้าสะพานชมัยมรุเชฐ ก่อนเตรียมกิจกรรมอีกเพียบในเวทีรอบบ่าย

ที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐวันนี้ (30 พ.ค.65) ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มประชาชนประมาณ 1000 คนได้เดินเท้าจากองค์การสหประชาชาติ(UN) มายังทำเนียบรัฐบาล โดยเวลา 08.00 น. ก่อนเดินขบวน สมบูรณ์ คำแหง ได้เป็นตัวแทนขบวนฯ ยื่นจดหมายด่วนให้กับคณะรัฐมนตรีเพื่อขอให้บรรจุข้อเสนอของขบวนที่ขอให้ ครม. มีมติยกเลิกมติ ครม. ที่เห็นชอบในหลักการให้มีร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการรวมกลุ่มทุกฉบับ โดยมีสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนคณะรัฐมนตรีเดินทางมารับข้อเรียกร้องจากขบวนฯ พร้อมรับปากว่าจะนำไปจะนำเรื่องนี้ไปเสนอ ครม. และขอให้ทุกท่านรอคำตอบอยู่ที่นี่อย่าเพิ่งเคลื่อนขบวนกัน 

npo2.jpgnpo3.jpgnpo4.jpgnpo5.jpgnpo6.jpg

ต่อมาในเวลา 09.00 น. ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มประชาชนประมาณได้เตรียมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนเคลื่อน ภรณ์ทิพย์ สยมชัย ตัวแทนขบวน ได้ขึ้นอ่านคำประกาศ โดยบางช่วงบางตอนของคำประกาศระบุว่า ต้องยกเลิกการผลักดัน ‘ร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ….’ โดยเด็ดขาดคุณค่าและความหมายของการรวมกลุ่มไม่ควรเป็นกฎหมาย เพราะคุณค่าและความหมายที่แท้จริงของการรวมกลุ่ม คือ สังคม วัฒนธรรม อุดมคติและอุดมการณ์ ซึ่งเป็นคุณค่าและความหมายหลากหลายมิติในเจตจำนงของชีวิตมนุษย์ แต่รัฐบาลเผด็จการทหารของประยุทธ์พยายามใช้อำนาจโดยสร้างกฎหมายเพื่อควบคุม ทำลาย หรือจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการรวมกลุ่ม หรือพยายามลดทอนคุณค่าและความหมายของการรวมกลุ่มให้เป็นแค่กฎหมาย นี่จึงเป็นสิ่งที่เรา 'ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน' ยอมไม่ได้

การรวมกลุ่มในสังคมมนุษย์เต็มไปด้วยอุดมคติ อุดมการณ์ และความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม ซึ่งจะใช้อำนาจโดยการสร้างกฎหมายมาลดทอนคุณค่าและความหมายเหล่านี้มิได้แม้แต่ตัวกฎหมายเองก็มีคำถามถึงความชอบธรรมในการใช้กฎหมายแบบเลือกปฏิบัติ หรือเอาตัวเองและพรรคพวกอยู่เหนือกฎหมายของเผด็จการประยุทธ์ ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐสภากึ่งเลือกตั้งที่เป็นผลพวงจากการใช้อำนาจรัฐประหารให้ได้มามีความชอบธรรมในการออกกฎหมายเพื่อบริหารกิจการบ้านเมืองหรือไม่

เป้าหมายเดียวของพวกเราคือจะต้องล้มร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ให้จงได้ เรารู้ว่าเส้นทางนี้ยังทอดยาว นี่ไม่ใช่ยกแรกและไม่ใช่ยกสุดท้าย เรากำลังอยู่ในเส้นทางสู่ชัยชนะด้วยความหวัง ความฝัน ความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างเต็มเปี่ยมเราขอให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่า วันนี้ไม่ว่าจะบรรลุตามข้อเรียกร้องให้เผด็จการประยุทธ์ยกเลิกการผลักดัน ‘ร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ….’ โดยเด็ดขาดหรือไม่ เราจะไม่ย่อท้อสิ้นหวังใด ๆ ทั้งสิ้น เราเชื่อมั่นว่าตลอดแปดวันที่เราได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน ณ หมู่บ้านราษฎร์ธรรมนูญ เรากำลังอยู่บนเส้นทางสู่ชัยชนะ 

เรากำลังปีนบันไดไปทีละขั้น ๆ เพื่อสู่หนทางแห่งชัยชนะในท้ายที่สุดถ้าวันนี้ไม่บรรลุผลทั้งหมดนั่นหมายความว่าหนทางสู่ชัยชนะยังต้องใช้เวลา และเราจะไม่ย่อท้อสิ้นหวังใด ๆ เพื่อเดินทางไปถึงจุดนั้นใช่ไหมพี่น้อง 

ขอให้พี่น้องประสานมือประสานใจต่อกัน รำลึกถึงช่วงเวลาอันงดงามเหล่านี้ จดจำเอาไว้เป็นความภาคภูมิใจของชีวิต เรากำลังเขียนประวัติศาสตร์เพื่อบอกเล่าไล่เรียงเรื่องราวบนท้องถนนที่กำลังนำเราไปสู่เส้นทางแห่งชัยชนะด้วยการล้มร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ….’ ให้จงได้ หยุดมรดก คสช. หยุด พ.ร.บ. การรวมกลุ่มเผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ

หลังอ่านคำประกาศเสร็จสิ้นได้มีการเคลื่อนขบวนโดยผู้ชุมนุมใช้เส้นทางถนนจากหน้าองค์การสหประชาชาติ เลี้ยวขวามาตามถนนกรุงเกษม และเข้าไปยังถนนถนนนครสวรรค์ ก่อนจะเลี้ยวขวามายังถนนพิษณุโลกบริเวณแยกนางเลิ้ง และเดินมาถึวแยกพาณิชยการเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ผู้ชุมนุมได้ประกาศปักหลักตั้งหมู่บ้าน เพื่อรอฟังผลข้อเรียกร้องจากรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม สมบูรณ์ คำแหง ได้ร่วมเจรจากับพ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผู้กำกับ สน.นางเลิ้ง ให้นำเอารั้วลวดหนาม แผงเหล็ก และตู้คอนเทนเนอร์ออก เพื่อให้ผู้ชุมนุมได้ตั้งเวทีกิจกรรม แต่ผกก.สน นางเลิ้ง แจ้งกับตัวแทนว่าจะรื้อได้เฉพาะ รั้วลวดหนาม แต่แผงเหล็ก และตู้คอนเทนเนอร์ไม่สามารถเอาออกได้เนื่องจากความปลอดภัยและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และแจ้งว่า จะมีตัวแทนรัฐบาลลงมาเจรจากับพวกเรา

ขณะที่ระหว่างรอการเข้าเจรจาของคณะรัฐมนตรี  ได้มีการจัดเวทีปราศรัยโดยตัวแทองค์กรกันขึ้นปราศรัย สมปอง เวียงจันทร์ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิตัวแทนจากสมัชชาคนจนกล่าวว่า นี่คือเสียงจากคนจนที่ลุกขึ้นมาลุกปกป้องที่ดิน ที่เป็นทำมาหากินและรวมกลุ่มกันในการต่อสู้ ถ้ามีการออก พ.ร.บ.ตัวนี้จะกระทบกับพวกเราแน่นอน เพราะเรามาเพื่อต่อสู้จากการที่เราได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐ เช่น เหมืองแร่ เขื่อน ที่ดินทำกิน เป็นต้น 

เพราะรัฐบาลนี้ยึดอำนาจและใช้อำนาจในการในการข่มขู่ประชาชน จึงต้องมาที่นี่ เพื่อไม่ให้พรบ.ตัวนี้ถูกประกาศใช้ ปัจจุบันก็มีกฎหมายหลายฉบับที่ไม่เป็นธรรม

กฎหมาย ก็เพื่อชนชั้นนั้น” และได้ชัดว่า รัฐบาลประยุทธ์ ออกกฏหมายมาเพื่อนายทุนปรสิต ไม่ใช่เพื่อชาวบ้านและประชาชน แปดปีผ่านไปเรายังเจอกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วเรายังกลับมาเจอกับ พ.ร.บ. ควบคุมการรวมกลุ่มฉบับนี้อีกเราจึงต้องออกมาคัดค้านในครั้งนี้

หลังตัวแทนขบวนปราศรัยเสร็จในช่วงที่ 1 12.05 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันขยับรั้วกั้นออกพร้อมตั้งเวทีปราศรัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการปิดตู้คอนเทนเนอร์ทึบเสริมสูง 2 ชั้น กั้นเต็มพื้นที่ของถนน โดยไม่หลงเหลือที่ว่าง และไม่ทิ้งกำลังตำรวจยืนอยู่แม้แต่รายเดียว ขณะที่มีการตั้งเวทีปราศรัย ได้มีเสียงก่อกวนเคาะโลหะ ตีตู้เหล็ก ดังมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่เป็นระยะ  

เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ตัวแทนขบวนได้ขึ้นปราศรัยบนรถชั่วคราวระบุว่า “เป็นเวลานานมากแล้ว แต่ตัวแทนรัฐบาลยังไม่ลงมาเจรจากับเรา เพราะรัฐบาลไม่แยแส ไม่ใส่ใจประชาชนที่มาปักหลักกันเป็นเวลา 8 วันแล้ว เราจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้รับคำตอบจากรัฐบาล และขอทุกท่านอย่าได้ตื่นตระหนกจากการยั่วยุหรือเสียงที่เกิดขึ้นจากอีกฝั่งของตู้คอนเทนเนอร์ หากมีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้น เราจะไม่ตอบโต้ใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนั่งลงไปคล้องแขนกันอยู่ตรงนี้ นี่คือสิ่งที่เราจะทำ ไม่มีวิธีการรับมืออื่นใดทั้งสิ้น” 

หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้ตั้งเวทีอย่างเป็นทางการพร้อมทั้งมีการแสดงของเครือข่ายเยาวชนเพื่อสะท้อนถึงผลกระทบของร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการรวมกลุ่มก่อนที่จะพักเวทีในช่วงเช้าก่อนมาเริ่มเวทีอีกครั้งในช่วงบ่าย

ทั้งนี้เมื่อเวลา 13.45 น. ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนลงมาพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุม และชี้แจงว่า

“เนื่องด้วยตอนนี้มีวาระพิจารณางบประมาณ ท่านรับมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีภาระกิจที่นัดหมายไว้ล่วงหน้า จึงลงมาพบพวกเราไม่ได้ แต่เมื่อเช้าในวาระจรของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการนำเอาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม 3 ข้อ พูดคุยกันแล้ว

แต่เนื่องจากมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้คำตอบว่า ช่วงนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมความคิดเห็น ยังไม่มีการเดินหน้าแต่อย่างใด โดยผมจะเป็นตัวแทนของคณะรัฐมนตรีมารับมอบเรื่องนี้ไปสรุปให้ ครม. ฟังอย่างเป็นทางการ”

นอกจากนั้น ตัวแทนรัฐบาลพยายามโน้มน้าวให้ประชาชน เฝ้ารอการเจรจากับรัฐมนตรี พร้อมกับพูดแบบเป็นกังวลว่า

“จากที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี จะขอให้พวกเราส่งตัวแทนไปเจรจาในวันพรุ่งนี้ (31 พฤษภาคม) เวลา 15.30 น. ที่ตึกทำงาน แต่ขอให้มากันตามจำนวนที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นผมจะเดือดร้อน แล้วก็ยังไงหากจะมีการพูดคุยอยากให้ตัวแทนหรือพวกเราตรวจ ATK กันเสียก่อน เพราะพวกผมจะได้ไม่ต้องกักตัว และจะได้มีเวลาทำงานเพื่อพี่น้องที่เดือดร้อนเรื่องอื่น ๆ ต่อ”

ขณะที่ สมบูรณ์ คำแหง ในฐานะทีมเจรจาของขบวนฯ สอบถามกับผู้ชุมนุมว่าพึงพอใจหรือไม่ ที่รัฐมนตรีจะนัดหมายพรุ่งนี้ ซึ่งผู้ชุมนุมกล่าวโดยพร้อมเพรียงกันว่า “ให้มาวันนี้”

สุดท้ายตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศชัดเจนว่า ต้องการให้รัฐมนตรีลงมาพูดคุยวันนี้ ในเวลา 15.00 น. และขอให้ปลัดฯ ไปนำเรียนและประสานงานต่อไปในฐานะคนกลาง