นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ หรือ ทษช. ว่า เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทางการเมืองที่พรรคไทยรักษาชาติถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนมีพระราชโองการ เรื่องของไทม์ไลน์และเวลาที่เกิดขึ้นค่อนข้างปรากฏชัด
อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาว่าขณะที่มีการเสนอชื่อและกระทำการนั้น พรรคไทยรักษาชาติมีความสุจริตหรือไม่ เข้าใจว่าประชาชนคนไทยทุกคนรู้เท่ากัน ซึ่งการวินิจฉัยว่าการกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ เป็นเรื่องสำคัญ
เพราะการเสนอรายชื่อถือเป็นหน้าที่ที่กฎหมายบังคับไว้ หรือไม่เสนอก็ได้ แต่เมื่อพรรคไทยรักษาชาติเลือกที่จะเสนอ และมีการตรวจคุณสมบัติ ณ เวลาที่เสนอ เป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือสำคัญผิดก็เป็นเรื่องที่ชอบ ตรงนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา ซึ่งการจะพิจารณาอย่างไรเป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องใช้ดุลยพินิจ รวมถึงข้อกฎหมาย และพระราชโองการเป็นสาระสำคัญ
ส่วนกรณีที่ไทยรักษาชาติอ้างเรื่องของความไม่รู้มาเป็นข้อต่อสู้นั้น นายวิญญัติ กล่าวว่า เรื่องของความไม่รู้เชื่อว่าคนไทยทุกคนก็ไม่รู้เช่นกัน อาจมีราชบัณฑิตและนักกฎหมายระดับสูงบางคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ที่รู้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าด้วยความไม่รู้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ขาดองค์ประกอบหรือขาดเจตนากระทำความผิด หลักการนี้แม้เป็นหลักที่เอาไว้ใช้ในทางอาญา แต่ถือว่าถ้ากล่าวหาว่าใครกระทำผิด หรือกล่าวหาว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ก็เปรียบเสมือนเป็นการกล่าวหาทางอาญา ซึ่งมีโทษทางการเมืองคือตัดสิทธิ์และโทษจำคุก
ดังนั้นการพิจารณาเรื่องนี้ต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง การไม่รู้หรือการขาดเจตนาจึงเป็นสาระสำคัญ ที่นักกฎหมายและผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมต้องใช้ให้ครบถ้วน หลักนิติธรรมจึงเป็นหลักที่ต้องทำมาใช้ ส่วนจะใช้แบบไหน อย่างไร และทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยหรือไม่ ถือเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องที่ต้องดำเนินการ
'ไทยรักษาชาติ' งดหาเสียงชั่วคราว
นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า เนื่องด้วยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องให้พิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นคำร้องแล้วนั้น และทางพรรคก็ได้รับสำเนาคำร้องดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 16.00 น.ซึ่งกำหนดให้พรรคยื่นชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
โดยคณะกรรมการบริหารพรรคจะต้องพิจารณารายละเอียดของคดีในเวลาที่เหลือ 7 วัน ในส่วนของคณะกรรมการบริหารพรรค จึงของดภารกิจในการหาเสียงและกิจกรรมทางการเมือง และขอสื่อสารไปยังสมาชิกพรรคทุกท่านทราบว่า คณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ จะขอใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อปรึกษาหารือในการทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลในทางกฎหมาย ตามกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต และเป็นการยืนยันเจตนาอันบริสุทธิ์และความปรารถนาดีของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่มีต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนชาวไทยมา ณ ที่นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :