ไม่พบผลการค้นหา
ชื่อของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นรู้จักทั้งประเทศ เมื่อเกิดเหตุโจรปล้นบ้าน เพราะมีการขโมยเงินสดมากถึง 200 ล้านบาท และยังให้การว่ายังมีอยู่อีกจำนวนมาก ทำให้เกิดคำถามมากมายโดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น

ชื่อของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม  อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นรู้จักทั้งประเทศ เมื่อเกิดเหตุโจรปล้นบ้าน เพราะมีการขโมยเงินสดมากถึง 200 ล้านบาท และยังให้การว่ายังมีอยู่อีกจำนวนมาก ทำให้เกิดคำถามมากมายโดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งในที่สุด ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ว่านายสุพจน์  ร่ำรวยผิดปกติ พร้อมสั่งยึดทรัพย์

 
 
ชื่อของ สุพจน์  ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ตกเป็นข่าวโด่งดังตามสื่อต่างๆ เมื่อแก๊งคนร้ายเกือบ 10 คน ฉวยโอกาสบุกปล้นบ้านในซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2554 ขณะที่นายสุพจน์และภรรยาไม่อยู่บ้าน
 
โดยฉกทรัพย์มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท หลบหนี  ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามรวบตัวมาดำเนินคดียกแก๊งค์  โดยให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นอกจากเงินสด 200 ล้านบาทที่ขโมยมาแล้ว ในบ้านพักของนายสุพจน์ยังมีเงินสดเหลืออยู่อีก 700-1,000 ล้านบาท  แต่ไม่สามารถขนออกมาได้ทั้งหมด
 
คำให้การของคนร้าย ทำให้เกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์ถึงที่มาของเงินสดจำนวนมากในบ้านของนายสุพจน์  โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่า เงินที่แก๊งค์คนร้ายกล่าวถึงเกี่ยวข้องกับการประกวดราคาในโครงการต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม  ซึ่งนายสุพจน์อาจมีส่วนรู้เห็น เพราะเป็นลูกหม้อของกระทรวงคมนาคมมานาน  เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวงชนบท  ก่อนนั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ
 
นายสุพจน์ ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นขบวนการที่ต้องการทำลายชื่อเสียง และทำลายความน่าเชื่อถือ หลังจากคนร้ายรายหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของอดีตเลขาฯอ้างว่าโกรธแค้นแทนมารดา จึงให้ข้อมูลกับกลุ่มโจรที่ปล้นบ้านนายสุพจน์ 
 
นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าเงินที่หายไป บางส่วนเป็นค่าสินสอด และเงินรับไหว้จากงานแต่งงานของลูกสาว  ส่วนประเด็นข้อสงสัยที่ว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างต่างๆ ของกระทรวงคมนาคมนั้นนายสุพจน์ปฏิเสธ  และพร้อมให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตรวจสอบข้อเท็จจริง
 
22 พฤศจิกายน 2554 ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อตรวจสอบที่มาของเงิน เนื่องจากสงสัยว่านายสุพจน์อาจเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ  พร้อมนำหมายเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายสุพจน์ ที่ซอยลาดพร้าว 64 ทั้ง 2 หลัง โดยได้ตรวจยึดเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหลักฐานการเงิน และวัตถุพยานที่เชื่อมโยงกับคดี แต่ไม่พบเงินสดจำนวนมาก ตามคำให้การของผู้ต้องหา 
 
ในขณะที่กระทรวงคมนาคมต้นสังกัด ซึ่งขณะนั้นมี พลอากาศเอกสุกำพล  สุวรรณทัต  เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ ยืนยันไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และถือเอาผลสอบของ ป.ป.ช. เป็นที่สิ้นสุด โดยระหว่างนั้น ได้ มีคำสั่งย้ายนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม  ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี 
 
กรณีโจรปล้นบ้านนายสุพจน์ กลายเป็นกระทู้สดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร  โดย ร.ต.อ.เฉลิม  อยู่บำรุง  รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นผู้ตอบกระทู้แทน  พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า  เงินที่ถูกปล้นในครั้งนี้น่าจะเป็นเงินที่มาจากการทุจริตในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง  สีแดง และสีฟ้า  ที่มีการเรียกรับผลประโยชน์ถึงร้อยละ 8 
ตลอดเวลาที่ผ่านมา นายสุพจน์ ส่งตัวแทนยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินก่อนถูกปล้น 36 บัญชี และหลังถูกปล้นอีก 3 บัญชี ให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ แต่ไม่เคยชี้แจงด้วยตนเอง และปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่มีเงินสดเป็นจำนวนมากอยู่ในบ้านพัก ตามที่คนร้ายกล่าวหา 
 
ป.ป.ช.ตรวจสอบหลักฐานและคำให้การ โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้สอบสวนนายสุพจน์ และตั้งข้อกล่าวหาว่านายสุพจน์ร่ำรวยผิดปกติ โดย ให้นายสุพจน์แก้ข้อกล่าวหาด้วยตัวเองในวันที่ 23 มกราคม 2555  ซึ่งเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของนายสุพจน์  หลังจากเก็บตัวเงียบเกือบ 3 เดือน ก่อนตัดสินใจลาออกจากราชการ โดยมีผลวันที่ 21 พฤษภาคม 2555
 
หลังจากนั้น ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ว่านายสุพจน์  ทรัพย์ล้อม  ร่ำรวยผิดปกติ ไม่สัมพันธ์กับรายได้ และมากเกินกว่าฐานะของเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 และมีคำสั่งยึดทรัพย์รอบแรกจำนวน 18 ล้านบาท พร้อมทองรูปพรรณหนัก 10 บาท  และตามมาด้วยคำสั่งยึดทรัพย์รอบที่ 2 และรอบที่ 3 รวมมูลค่ากว่า 64 ล้านบาท  ถือเป็นอันสิ้นสุดกรณีการตรวจสอบนายสุพจน์  ทรัพย์ล้อม มีฐานะร่ำรวยผิดปกติในเดือนกรกฎาคม 2555
Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog