ชัยชนะของนายโอบามาในการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเป็นไปตามความคาดหมาย โดยประธานาธิบดีผู้เป็นความหวังของสหรัฐฯ จะยังได้รับโอกาสให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 4 ปี
ชัยชนะของนายโอบามาในการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเป็นไปตามความคาดหมาย โดยประธานาธิบดีผู้เป็นความหวังของสหรัฐฯ จะยังได้รับโอกาสให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 4 ปี ช่วงนี้เราจะไปทำความรู้จักกับประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการต่อสู้ทางการเมืองของเขาในฐานะประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ
นายบารัก โอบามา หรือชื่อเต็มของเขาคือ บารัก ฮุสเซน โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 วัย 51 ปี สร้างประวัติศาสตร์ให้กับการเมืองสหรัฐฯ ด้วยการก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีผิวสี หรือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันคนแรก เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ปี 2551
นายโอบามา เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมปี 2504 ที่เมืองโฮโนลูลู มลรัฐฮาวาย บิดาเป็นชาวเคนยา มารดาคือชาวอเมริกัน ทั้งคู่หย่าร้างกันตั้งแต่นายโอบามา อายุเพียง 2 ขวบ หลังจากนั้นเขาย้ายไปอยู่กับแม่และครอบครัวใหม่ที่อินโดนีเซีย แต่เมื่อเขาอายุได้ 6 ขวบ แม่ก็เสียชีวิตลง เขาจึงต้องกลับมาอยู่กับตาและยายที่มลรัฐฮาวาย
สำหรับเรื่องการศึกษา นายโอบามา จบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และโรงเรียนกฎหมายฮาวาร์ด ก่อนเข้าสู่วงการการเมืองด้วยการได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐอิลลินอยส์ในปี 2539 และขึ้นดำรงตำแหน่งในปี 2540
ในปี 2547 เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขากลายเป็นที่จับตามองของสื่อมวลชนอเมริกันในฐานะนักการเมืองหนุ่มไฟแรง โดยเขาได้มีโอกาสขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีที่ประชุมพรรคเดโมแครตเป็นครั้งแรก และเขาเรียกร้องให้ชาวอเมริกันมีความสมัครสมานสามัคคีบนความแตกต่างทางด้านอุดมการณ์ ด้วยคำพูดที่ว่า "ที่นี่ไม่มีอเมริกาสายกลาง และอเมริกาสายอนุรักษ์ มีแต่เพียงอเมริกาที่เป็นสหพันธรัฐของทุกคน"
และประโยคนั้น ก็ส่งผลให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญของการเมืองสหรัฐฯ และทำให้เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาผิวสีคนที่ 5 แห่งสหรัฐอเมริกาในที่สุด
ความร้อนแรงของนายโอบามายังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาสามารถล้มคู่แข่งในพรรคเดโมแครต อย่างนางฮิลลารี คลินตัน ภริยาของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้ทรงอิทธิพลอย่าง นายบิล คลินตัน โดยนายโอบามา สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตได้สำเร็จ
และในช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้งนั้น นายโอบามายังสามารถคว้าตำแหน่งผู้ที่สามารถระดมทุนหาเสียงเลือกตั้งได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ก่อนที่เขาจะเอาชนะนายจอห์น แม็กเคน ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันไปอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ท่ามกลางความหวังว่าเขาจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมอเมริกัน เหมือนกับที่เขาเคยให้สัญญาไว้ด้วยคำพูดที่ว่า "Change We Need!" นั่นเอง
