ภาคต่อของการเดินทางอย่างเนิบช้าในเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นอย่าง 'เกียวโต' ที่นอกจากจะมีธรรมชาติที่งดงาม ครั้งนี้เราจะไปเยือนแหล่งวัฒนธรรมที่น่าประทับใจ
คราวที่แล้วเราพาไปชม เกียวโตในมุมมองของธรรมชาติและสัจธรรมที่ถูกแฝงไว้ตามสถานที่ต่างๆ ครั้งนี้เราจะไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางศาสนาและความเชื่อ ที่หล่อหลอมให้สังคมญี่ปุ่นเป็นอยู่ทุกวันนี้ ทั้งในศาสนาพุทธและชินโต และยังมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม
หากใครเคยไปเกียวโตจะพบว่ามีสถานที่สำคัญทางศาสนามากพอๆกับพระนครศรีอยุธยา ระบบการวางผังเมืองนั้นมีลักษณะเป็นผังจักรวาล ในรูปแบบของกริด และมีสะพานต่างๆที่สำคัญ เราสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกไม่หลงทาง และยังมีระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงทั้งรถประจำทางและรถไฟอย่างทั่วถึงอีกด้วย
ความงามในจิตใจ ภายใต่ความสงบในเกียวโต
สถานที่แรกที่ผู้มาเยือนจะต้องมานั่นคือ วัดคินคะคุจิ หรือ วัดทอง แต่เดิมสร้างเพื่อใช้เป็นบ้านพักของท่านโชกุนอาชิกาก้า โยชิมิสุ ซึ่งตั้งใจจะยกวัดแห่งนี้หลังจากท่านเสียชีวิตให้กับนิกายเซน มีคนมักจะสับสนว่าวัดดังกล่าวเป็นวัดเดียวกับวัดอังโคะคุจิ ที่รู้จักกันดีในเรื่อง "อิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา"แท้จริงแล้วเป็นคนละวัด วัดเดิมอังโคะคุจินั้นไม่ได้มีอยู่แล้ว
เรือนที่เห็นเป็นเอกลักษณ์สีทองอร่ามนี้ แท้จริงเป็นเรือนปราสาทหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเนื่องจาก ปี 1950 วัดคินคะคุจิถูกเผา ระหว่างสงครามโอนิน เผาโดยพระฝึกหัดที่อยู่ในวัดชื่อฮายาชิ โยเคน นอกจากตัวเรือนที่สวยงามแล้วก็ยังมีสวนแบบเซนที่ให้ความสงบและร่มรื่น ซึ่งถ้าหากไปในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้ก็จะกลายเป็นสีเหลืองๆทองๆเช่นเดียวกับสีตัวปราสาท
สำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในวัยเรียนวัยศึกษา อีกสถานที่หนึ่งที่แนะนำให้ได้ไปขอพรกัน นั่นก็คือศาลเจ้าคิทาโนเทมันงู หรือ เทพเจ้าวัว ที่เป็นสัญลักษณ์ของนักปราชญ์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก ว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้จะช่วยในเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือว่าการเข้าทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
ประวัติที่มาของวัดนี้ เกิดจากนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในสมัยที่เกียวโตยังเป็นเมืองหลวง นามว่า "สุกาวะระ มิชิซาเนะ" ตัวท่านถูกกลั่นแกล้งจนถูกเนรเทศไปอยู่ที่เกาะคิวชูและเสียชีวิตที่นั่น จากนั้นก็เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ทั่วประเทศญี่ปุ่นจนเป็นที่มาของการสร้างศาลเจ้าเทนมานกุอุทิศให้ท่านผู้นี้ ศาลเจ้าแห่งนี้มีอีกแห่งหนึ่งคือที่เมืองฟุกุโอกะ โดยเชื่อกันว่าวิญญาณของนักปราชญ์ผู้นี้เชื่อมโยงกับเทพเทนจิ เทพแห่งการศึกษาของญี่ปุ่น
ที่สุดท้ายที่อยากจะพาไปเที่ยวชมกันก็คือ วัดคิโยะมิซุ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า "วัดน้ำใส"วัดเก่าแก่อายุมากกว่า 1,000 ปีถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 780 มีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ วัดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ความงดงามของยามเย็นตัวเรือนไม้ที่ยื่นออกไม้หน้าผา ทำให้เป็นอีกจุดหนึ่งที่มักจะมีผู้ชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ
ไฮไลท์ที่มักจะมีนักท่องเที่ยวต่อแถวยาวเหยียดก็คือ การรอดื่มน้ำจากน้ำตกโอโตวะโดยแต่ละสายจะมีประโยชน์ที่ต่างกัน ได้แก่อายุยืน, ประสบความสำเร็จในการเรียน และ ชีวิตคู่ ชาวญี่ปุ่นมักจะดื่มน้ำทั้ง 3 สาย ส่วนบริเวณทางเดินก่อนถึงตัววัด มีร้านค้าทั้งอาหารและของที่ระลึกจำหน่ายมากมาย
จริงๆเกียวโตสามารถเขียนได้อีกหนึ่งตอน แต่จะขอเว้นวรรคไปก่อน เพื่อพาแฟนๆ Voice on Tourไปเที่ยวที่อื่นบ้างแล้วมาติดตามกันว่าจะไปที่ไหน