ขุนคลังเผยชงโครงการเปิดให้ผู้สูงอายุที่มีฐานะ สละสิทธิ์รับเบี้ยยังชีพ เข้าครม. 7 พ.ย. หวังนำเงินไปสมทบกองทุนผู้สูงอายุช่วยคนชรารายได้น้อย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ย. 2560) กระทรวงการคลังจะนำเสนอโครงการเปิดให้ผู้สูงอายุ ที่ได้รับเบี้ยยังชีพ ที่มีฐานะ สามารถสละสิทธิ์รับเบี้ยยังชีพ เพื่อนำงบประมาณส่วนนี้ไปเข้ากองทุนผู้สูงอายุ รวมกับเงินที่ได้รับจากกองทุนผู้สูงอายุที่ได้รับมาจากร้อยละ 2 ของรายได้ภาษีสุรายาสูบ
"เรื่องนี้มาจากแนวคิดบุคคลช่วยบุคคล และใช้มาตรการด้านการคลังเข้าไปบริหารจัดการ เป็นการสนับสนุนให้คนไทยที่มีน้ำใจ ช่วยคนไทยด้วยกัน" นายอภิศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวคิดการให้สวัสดิการ ที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันว่า ควรจะแจกให้เหมือนกันหมดถ้วนหน้า หรือ จะให้เฉพาะคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ดังนั้น ในกรณีเบี้ยยังชีพคนชรา กระทรวงการคลัง จึงใช้วิธีให้ผู้สูงวัยที่มีฐานะแจ้งความจำนงค์สละสิทธิ์ แล้วนำเงินส่วนนี้ไปสมทบกับกองทุนผู้สูงอายุ ซึ่งจะเริ่มรับแจ้งสละสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม นี้
ทั้งนี้ รายงานจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. พบว่า ในจำนวนผู้มีรายได้น้อยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งสิ้น 11.4 ล้านคน เป็นผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี จำนวน 3.6 ล้านคน และในจำนวนนี้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี หรือมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน 3 ล้านคน ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ควรจะได้รับความช่วยเหลือ
ขณะที่ ประเทศไทยปัจจุบันมีผู้สูงอายุทั้งสิ้น 10.3 ล้านคน ในจำนวนนี้มี 8.1 ล้านคน ที่ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพคนชรา เดือนละ 600-1,000 บาท
อีกด้านหนึ่ง ร่าง พ.ร.บ. ผู้สูงอายุ ที่กระทรวงการคลังเสนอ ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2560 และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งในกฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดให้กองทุนผู้สูงอายุสามารถนำเงินร้อยละ 2 ของรายได้จากภาษีสุรา และยาสูบ จากกรมสรรพสามิต แต่ไม่เกิน 4,000 ล้านบาท มาสมทบในกองทุนผู้สูงอายุ