กระแสปรับคณะรัฐมนตรี "บิ๊กตู่ 5" เริ่มแรงขึ้นมาทุกนาที เมื่อพลเอกศิริชัย ดิษฐกุล หรือบิ๊กบี้ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ตัดสินใจยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี
ภายหลังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจมาตรา 44 โยกย้ายให้นายวรานนท์ ปีติวรรณ พ้นจากอธิบดีกรมการจัดหางาน ไปนั่งในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงแรงงาน
มูลเหตุสำคัญที่ทำให้พลเอกศิริชัยต้องทิ้งเก้าอี้รัฐมนตรี มีการคาดการณ์จากสื่อมวลชนที่รายงานว่า นายวรานนท์ ถือเป็นคนใกล้ชิดที่พลเอกศิริชัยไว้วางใจคนหนึ่ง แต่ถูกเด้งพ้นเก้าอี้อธิบดี เพราะถูกมองว่าแก้ปัญหาพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวล่าช้า จึงทำให้พลเอกศิริชัยไม่เห็นด้วยกับการโยกย้ายครั้งนี้
การใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. จึงเป็นแนวทางสุดท้าย แทนที่จะเป็นการใช้มติคณะรัฐมนตรี
เพราะเป็นการใช้อำนาจเด็ดขาดตามมาตรา 44 ที่รัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2560 ยังให้การรับรอง
สำหรับพลเอกศิริชัย เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 13 จบหลักสูตรโรงเรียนเสนาธิการทหารบก เป็นรุ่นน้องที่ใกล้ชิดกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เริ่มรับราชการตั้งแต่ปี 2520 ในเหล่าทหารราบ ตำแหน่งผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 2 กรมผสมที่ 2 มีบทบาทสำคัญคุ้มกันการสร้างเส้นทาง สายอำเภอตาพระยา - อำเภอละหานทราย ช่วงช่องตะโก อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี ที่ถูกขัดขวางจากผู้ก่อการร้ายทุกรูปแบบจนสำเร็จในเวลาต่อมา
ปี 2523 ภารกิจสำคัญในชีวิตของ พลเอกศิริชัย เกิดขึ้นขณะดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยได้นำกำลังเข้าตีผลักดัน และกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธต่างชาติที่รุกล้ำหวังเข้ายึดดินแดนประเทศไทยที่บ้านโนนหมากมุ่น อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อปฏิบัติภารกิจสำเร็จ พลเอกศิริชัยได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1
ชีวิตราชการทหารของพลเอกศิริชัย เคยผ่านตำแหน่งสำคัญในกองทัพ ประกอบด้วย เสนาธิการทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เสนาธิการทหาร และมีตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม
อีกทั้งยังนั่งตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช.ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี เมื่อปี 2558
การนั่งในเก้าอี้เจ้ากระทรวงแรงงาน ถือเป็นภารกิจสำคัญที่เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์โดยตรง
พลเอกศิริชัย เคยยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน ต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2558 โดยมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 92,071,271.30 บาท
การลาออกของ "พลเอกศิริชัย" ครั้งนี้ ย่อมนำไปสู่การเปิดทางให้มีการปรับ ครม.บิ๊กตู่ 5 ในอนาคตอันใกล้
หากย้อนกลับไปดูจังหวะการปรับคณะรัฐมนตรีตลอด 4 ครั้งที่ผ่านมา มักเกิดขึ้นในทุกๆ1ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการปรับยกเครื่องทีมเศรษฐกิจ
ครม.บิ๊กตู่ 1 เกิดขึ้น 31 สิงหาคม 2557 เป็นการแต่งตั้ง ครม.ชุดแรก หลังพลเอกประยุทธ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
ครม.บิ๊กตู่ 2 เกิดขึ้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2557 โดยเป็นการแต่งตั้งรัฐมนตรีเพิ่มในอีก 2 ตำแหน่ง
ครม.บิ๊กตู่ 3 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558 เป็นการปรับตำแหน่งครั้งใหญ่ หลังจากพลเอกประยุทธ์ได้เข้ามาบริหารประเทศ 1 ปี โดยปรับยกชุดขุนพลเศรษฐกิจชุดเดิมที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล มาใช้กุนซือเศรษฐกิจที่นำโดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ครม.บิ๊กตู่ 4 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 หลังจากมีรัฐมนตรีลาออกในบางตำแหน่งเพื่อไปเป็นองคมนตรี โดยเป็นการปรับเพื่อรองรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งเชื่อมการทำงานร่วมกันของกระทรวงเกษตรฯและกระทรวงพาณิชย์
เมื่อมีเก้าอี้รัฐมนตรีว่างลง 1 ตำแหน่ง ทำให้สื่อมวลชนคาดการณ์ว่าจะเป็นการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ เพื่อนับถอยหลังก่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้งในปลายปี 2561
ซึ่งจะต้องติดตามว่าการปรับ ครม.บิ๊กตู่ 5 จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ตามที่คาดหมายไว้หรือไม่