ไม่พบผลการค้นหา
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แจงร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการบัญชีเงินฝากไม่เคลื่อนไหว มีเป้าหมายลดภาระสถาบันการเงิน จัดระเบียบเงินฝากคงค้างนานเกิน 10 ปีให้ประชาชน เผยโอนย้ายจากแบงก์เข้าพอร์ตเงินคงคลัง และเจ้าของบัญชีตัวจริงสามารถเรียกคืนได้ทุกเมื่อ 

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แจงร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการบัญชีเงินฝากไม่เคลื่อนไหว มีเป้าหมายลดภาระสถาบันการเงิน จัดระเบียบเงินฝากคงค้างนานเกิน 10 ปีให้ประชาชน เผยโอนย้ายจากแบงก์เข้าพอร์ตเงินคงคลัง และเจ้าของบัญชีตัวจริงสามารถเรียกคืนได้ทุกเมื่อ 

นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า แนวคิดการยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการเงินฝาก ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน ซึ่ง สศค. ได้ประกาศเปิดรับฟังความคิดเห็นถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 มีแนว คิดมาจาก ปัจจุบันมีเงินฝากที่ค้างในบัญชีของสถาบันการเงิน ทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ อายุนานเกิน 10 ปี มูลค่ารวมกันประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเจ้าของบัญชีนั้นๆ อาจมีเหตุผลบางอย่างทิ้งเงินค้างไว้ในบัญชีเงินฝากเป็นเวลานาน ดังนั้น จึงต้องมีการจัดระเบียบ และมีแนวคิดนำเงินดังกล่าวเข้ามาบันทึกเป็นเงินคงคลัง ซึ่งประชาชนเจ้าของบัญชีสามารถมาแสดงตัวตนรับคืนเงินได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

โดย สศค. คาดว่า หลังผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นแล้ว จะสามารถเสนอร่างกฎหมายฉบับให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาอย่างเร็วที่สุด ภายในเดือนธันวาคมนี้ 

ทั้งนี้ แนวปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ผ่านมา กำหนดให้ธนาคารต่างๆ สามารถเก็บค่าธรรมเนียมค่ารักษาบัญชีได้ ใน 2 กรณี คือ 1. ถ้ามียอดเงินฝากคงเหลือต่ำกว่า 2,000 บาท สามารถเก็บค่ารักษาบัญชีได้จนเงินหมดบัญชี /2. ถ้ายอดเงินฝากคงเหลือสูงกว่า 2,000 บาท ธนาคารจะไม่สามารถเก็บค่าบริการรักษาบัญชีได้ และต้องแยกเงินออกจากบัญชีก้อนนี้ออกมา ซึ่งหากลูกค้าหรือทายาทไม่มาติดต่อ ธนาคารจะได้ประโยชน์จากเงินส่วนนี้ จากการบันทึกเป็นรายได้ของธนาคาร  


รายงานโดย อังศุมาลิน บุรุษ


     

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog