ศิลปินกราฟฟิตี Lushsux สร้างงานเสียดสีผู้นำอิสราเอล-สหรัฐฯ ประท้วงโครงการขยายถิ่นฐานของอิสราเอลเข้าไปในดินแดนปาเลสไตน์ ขณะที่ UN เตือนเกือบ 200 บริษัทจะถูกขึ้นบัญชีดำเพราะสนับสนุนอิสราเอล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า Lushsux ศิลปินชาวออสเตรเลีย ซึ่งเคยสร้างผลงานบนกำแพงกั้นดินแดนปาเลสไตน์กับอิสราเอลมาก่อนหน้านี้ มีผลงานใหม่บนกำแพงกั้นดินแดนในเมืองเบธเลเฮม เขตเวสต์แบงก์ ซึ่งเป็นภาพนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กำลังจูบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมทั้งข้อความล้อเลียนขณะนายเนทันยาฮูขอบคุณนายทรัมป์ ในฐานะที่เป็นผู้สนับสนุนการสร้างกำแพงของรัฐบาลอิสราเอล
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กำแพงเบธเลเฮมกลายเป็นพื้นที่แสดงศิลปะแห่งการประท้วงของศิลปินกราฟฟิตีจำนวนมากที่เดินทางมาจากทั่วโลก ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการสร้างกำแพงกั้นดินแดนปาเลสไตน์ โดยมองว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลอิสราเอลที่จะยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ และปฏิเสธข้อเรียกร้องในการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ แต่รัฐบาลอิสราเอลระบุว่าการสร้างกำแพงเป็นการป้องกันการโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์
(กราฟฟิตีของ Lushsux ถูกระบายสีทับเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา - MUSA AL SHAER / AFP)
อย่างไรก็ตาม Lushsux มองว่ากำแพงกั้นระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลคือข้อความที่ชัดเจนโดยตัวของมันเอง เขาไม่จำเป็นต้องเขียนข้อความสนับสนุนการปลดปล่อยปาเลสไตน์เลยแม้แต่ข้อความเดียว สิ่งที่ต้องทำคือการสร้างงานกราฟฟิตีเหมือนที่เคยทำมาก่อนในที่อื่นๆ และผู้คนที่มองเห็นกราฟฟิตีก็จะมองเลยไปถึงฉากหลังของผลงาน ก็จะเห็นทั้งรั้วลวดหนามและชาวปาเลสไตน์จำนวนมากที่ติดอยู่ข้างหลังกำแพงแห่งนี้ ซึ่งเขาระบุว่า ไม่ต่างอะไรจากการถูกขังอยู่ในบ้านของตัวเอง
นอกเหนือจากภาพทรัมป์จูบกับเนทันยาฮู ยังมีผลงานอื่นๆ ของ Lushsux บนกำแพงกั้นดินแดนปาเลสไตน์และอิสราเอลอีกหลายภาพ ได้แก่ ภาพทรัมป์จูบหอสังเกตการณ์ของกองทัพอิสราเอล และภาพทรัมป์ขณะกำลังคิดว่าจะสร้างกำแพงกั้นดินแดนระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโกเหมือนกับกำแพงปาเลสไตน์-อิสราเอล
นอกจากนี้ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลอิสราเอลยังได้พิจารณาอนุมัติการก่อตั้งนิคมของชาวอิสราเอลเพิ่มเติมในฝั่งปาเลสไตน์ โดยจะเปิดทางให้มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนกว่า 2,500 หลัง โดย 250 หลังจะสร้างขึ้นที่เขตอามิไช ซึ่งอิสราเอลยังไม่เคยขยายถิ่นฐานเข้าไปเลยในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา และแผนดังกล่าวทำให้เกิดการต่อต้านจากทั้งชาวปาเลสไตน์และสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
(Lushsux สร้างผลงานใหม่แทนภาพที่ถูกระบายสีทับเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม - MUSA AL SHAER / AFP)
ด้านเว็บไซต์ Ynetnews สื่อของอิสราเอล รายงานว่านายเซอิด บิน ราอัด อัล-ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกจดหมายเตือนบริษัทสัญชาติอิสราเอล 130 แห่ง และบริษัทข้ามชาติอื่นๆ อีก 60 แห่ง ว่ากำลังจะถูกขึ้นบัญชีดำของสหประชาชาติ ในฐานะที่เป็นบริษัทซึ่งให้การสนับสนุนอิสราเอลให้ยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ เข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและข้อตกลงของสหประชาชาติ โดยบริษัทชื่อดังระดับโลกที่จะอยู่ในบัญชีดำของสหประชาชาติ รวมถึงโคคา โคลา, แอร์บีเอ็นบี, โมโตโรลา, เคเทอร์พิลลา และทริปแอดไวเซอร์
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNCHR) จะเผยแพร่รายชื่อบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำทั้งหมดอย่างเป็นทางการประมาณเดือนธันวาคมนี้ แต่บริษัทที่ได้รับจดหมายเตือนจาก UNCHR ราว 12 แห่ง ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่าการขึ้นบัญชีดำบริษัทเอกชนเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงเรื่องการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด และเห็นได้ชัดว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ
แถลงการณ์ของบริษัทเอกชนกลุ่มดังกล่าวระบุว่า UNCHR ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ต่อการยึดครองดินแดนอื่นๆ นอกเหนือจากดินแดนปาเลสไตน์ โดยมีการยกตัวอย่างดินแดนไครเมียซึ่งประกาศแยกตัวจากยูเครนแม้จะไม่ได้รับการรับรองจากประชาคมโลก แต่บริษัทหลายสัญชาติก็เข้าไปลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว และไม่ได้ถูกขึ้นบัญชีดำจาก UNCHR แต่อย่างใด รวมถึงดินแดนเวสเทิร์นสะฮารา ติดกับโมร็อกโก ซึ่งถูกยึดครองและประกาศเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยอาหรับซาห์ราวี แต่ไม่มีประเทศใดยอมรับ
เรียบเรียงโดย ตติกานต์ เดชชพงศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: