มกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบียประกาศปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย สนับสนุนขันติธรรมและความไม่สุดโต่งทางศาสนา เพื่อให้สอดคล้องกับโลกเสรีมากขึ้น
สำนักข่าว CNN รายงานว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ทรงกล่าวในงานประชุม Future Investment Initiative ที่กรุงริยาดห์ ว่าจะทำลายแนวคิดสุดโต่งให้หมดไปจากประเทศ และทำให้ซาอุดีอาระเบียมีแนวทางอิสลามสายกลางอีกครั้ง เจ้าชายโมฮัมเหม็ดยังตรัสอีกด้วยว่าภารกิจดังกล่าวจำเป็นต่อการปฏิรูปประเทศให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ เพราะซาอุดีอาระเบียต้องการให้ประชาชนมีวิถีชีวิตแบบปกติ มีขันติธรรม เพื่ออยู่ร่วมกับประชาคมโลกได้อย่างสันติสุขและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโลกต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ซาอุดีอาระเบียมีประชากรอายุต่ำกว่า 30 ปีมากถึงร้อยละ 70 ของประชากรทั้งประเทศ และเริ่มติดต่อเชื่อมโยงกับโลกภายนอกอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบียวัย 32 พรรษา ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในซาอุดีอาระเบีย ทรงควบตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมที่หนุ่มที่สุดในโลก รวมถึงทรงดูแลโครงการ Vision 2030 ปฏิรูปประเทศสู่การไม่พึ่งพาน้ำมัน เจ้าชายทรงเป็นผู้มีแนวคิดสมัยใหม่และก้าวหน้า
พระดำรัสดังกล่าวเป็นการตอกย้ำจุดยืนของราชวงศ์อัล-ซาอุด ที่ต้องการกำจัดอิทธิพลของกลุ่มอิหม่ามเคร่งศาสนา ที่พยายามบ่อนทำลายอำนาจเบ็ดเสร็จของราชวงศ์ในการปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี 1979 และยังสอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ที่เรียกว่า Vision 2030 ซึ่งเป็นแผนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของซาอุดีอาระเบียให้เลิกพึ่งพิงน้ำมันในฐานะรายได้หลัก แต่หันมาพัฒนาอุตสาหกรรมภาคบริการและการท่องเที่ยวมากขึ้น รวมถึงการปฏิรูปสังคมให้เป็นเสรีนิยมมากขึ้น ยกเลิกกฎหมายและกฎเกณฑ์ล้าสมัยหลายประการที่ไม่สอดคล้องกับอารยประเทศ โดยเจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงเป็นผู้ดูแล Vision 2030 ด้วยพระองค์เอง
ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย เพิ่งจะทรงออกพระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถทำใบขับขี่ได้ ทำให้ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศสุดท้ายในโลกที่ผู้หญิงสามารถขับรถได้ตามกฎหมาย และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พระองค์ก็ทรงประกาศว่าจะจัดการกับผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีแนวคิดสุดโต่ง เป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเสรีนิยมยังมองว่านี่เป็นเพียงความก้าวหน้าเล็กๆ แต่ยังมีปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆอีกมาก ภายใต้การปกครองของราชวงศ์อัล-ซาอุด เช่นผู้หญิงยังคงต้องมีผู้คุ้มครองซึ่งเป็นญาติฝ่ายชาย เช่นสามี พี่ หรือพ่อ ให้การรับรองในการทำธุรกรรมทุกชนิด แม้แต่การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล นอกจากนี้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของกษัตริย์ก็จะถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด