บริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ของญี่ปุ่นสารภาพว่าปลอมข้อมูลผลิตภัณฑ์ซึ่งถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องบิน ดาวเทียม รถไฟ และอื่นๆ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความเชื่อมั่นในธุรกิจญี่ปุ่น

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น แถลงว่ารัฐบาลจะหาทางดำเนินการที่เหมาะสมต่อกรณีบริษัทโกเบ สตีล ผู้ผลิตเหล็กกล้าและเครื่องมือก่อสร้างอื่นๆ ซึ่งเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น ยอมรับว่ามีการปลอมแปลงข้อมูลผลิตภัณฑ์เหล็ก อลูมิเนียม และทองแดง ซึ่งใช้ในการอ้างอิงและตรวจสอบคุณภาพสินค้า ช่วงระหว่างปี 2016 จนถึงปี 2017 ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของธุรกิจและอุตสาหกรรมญี่ปุ่นโดยรวม เพราะบริษัทที่เป็นลูกค้าของโกเบ สตีล มีจำนวนกว่า 200 บริษัท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เว็บไซต์บลูมเบิร์ก สื่อวิเคราะห์เศรษฐกิจ ระบุว่าบริษัทที่เป็นลูกค้าของโกเบ สตีล ล้วนเป็นกิจการชั้นนำระดับโลก โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า ฮอนด้า ซูบารุ มาสดา หรือนิสสัน ซึ่งใช้ผลิตภัณฑ์ของโกเบ สตีลในการผลิตอะไหล่ เครื่องยนต์ และส่วนประกอบอื่นๆ ทำให้หลายบริษัทเตรียมเรียกคืนรถยนต์ที่ผลิตจากชิ้นส่วนที่มีปัญหากลับมาตรวจสอบใหม่

เช่นเดียวกับบริษัทรถไฟและทางเดินรถไฟ 'เจอาร์' ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ของญี่ปุ่น และบริษัทมิตซูบิชิเฮฟวี่ ซึ่งผลิตชิ้นส่วนครื่องบินและดาวเทียม ตลอดจนโลหะภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ต่างก็ประกาศว่าจะดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของโกเบ สตีล อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

(ผู้บริหารของโกเบ สตีล แถลงขออภัยต่อสาธารณชน)

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หุ้นของบริษัทโกเบ สตีล ตกลงอย่างรวดเร็วกว่าร้อยละ 20 นับตั้งแต่มีการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา และนายฮิโรยะ คาวาซากิ ซีอีโอของโกเบ สตีล ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณชน พร้อมยืนยันว่าได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อที่จะนำตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงข้อมูลดังกล่าวมาลงโทษตามกระบวนการทางกฎหมาย และจะดำเนินการชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายและผลกระทบในด้านต่างๆ เป็นขั้นตอนต่อไป แม้ว่าขณะนี้จะยังระบุไม่ได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ในระดับใดก็ตาม

นักวิเคราะห์หลายรายระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทโกเบ สตีล ยิ่งซ้ำเติมวิกฤตการณ์ด้านความเชื่อมั่นที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นให้ยิ่งเลวร้ายไปกว่าเดิม เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการเปิดโปงว่าบริษัทของญี่ปุ่นหลายแห่งมีปัญหามาตรฐานการผลิตสินค้าและการควบคุมคุณภาพ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในวงกว้าง โดยกรณีร้ายแรงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คือบริษัทผู้ผลิตถุงลมนิรภัยในรถยนต์ 'ทาคาตะ' ซึ่งถูกฟ้องร้องโดยหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลังตรวจพบว่าเหตุขัดข้องของระบบถุงลมนิรภัยทาคาตะ เป็นสาเหตุให้ผู้โดยสารรถยนต์ในสหรัฐฯ เสียชีวิตและบาดเจ็บ ทำให้บริษัทรถยนต์หลายแห่งต้องเรียกคืนสินค้ากลับมาตรวจสอบแก้ไขเป็นจำนวนนับล้านคันทั่วโลก

ส่วนอีกกรณีหนึ่งคือบริษัทโตโย ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ถูกพิจารณาคดีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทยอมรับสารภาพเมื่อปี 2015 ว่ามีการบิดเบือนข้อมูลเรื่องยางที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารที่ทนต่อแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ซึ่งการกอบกู้ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในธุรกิจญี่ปุ่นกลับมาใหม่อาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานาน และหน่วยงานตรวจสอบและกำกับดูแลของรัฐบาลต้องทำงานควบคู่กับบริษัทเอกชน เพื่อนำไปสู่กระบวนการแก้ปัญหาและชดเชยเยียวยาผู้เสียหายที่เป็นระบบและครอบคลุม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• BizInsight : ไทยดึงญี่ปุ่นร่วมลงทุน 'อีอีซี-รถไฟสายตะวันออก' 
• เอกชน ไทย-ญี่ปุ่น ลงนาม MOU หนุน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย
• ทาคาตะล้มละลาย ถุงลมนิรภัยไม่ได้รับมาตรฐาน
• ซ่อมเสร็จ 7 วัน! เปิดใช้ถนนยุบถล่มในฟุกุโอกะ