รัฐบาลกัมพูชายื่นฟ้องศาลให้ตัดสินยุบพรรคฝ่ายค้าน ถือเป็นท่าทีล่าสุดที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามไล่ล่าพรรคฝ่ายค้าน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในปี 2018
ทนายของรัฐบาลกัมพูชายื่นฟ้องร้องต่อศาล ให้มีการพิจารณายุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ CNRP พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชา หลังจากที่นายเกิม เสิกขา หัวหน้าพรรคถูกจับกุมและตั้งข้อหากบฏและสมคบคิดกับต่างชาติเพื่อโค่นล้ม รัฐบาลเมื่อเดือนกันยายน โดยอ้างหลักฐานจากคลิปวิดีโอปี 2013 ที่นายเกิมระบุว่า ยอมรับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับรัฐบาล
ด้านพรรค CNRP ระบุว่า การดำเนินคดีกับพรรคฝ่ายค้านเป็นกลยุทธ์ของนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อให้ชนะการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีการจัดขึ้นในปี 2018 และต้องการจะครองอำนาจต่อไปเรื่อยๆ หลังจากเป็นรัฐบาลมายาวนานกว่า 30 ปี
ช่วงเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างหนัก ทั้งการควบคุมตัวและดำเนินคดีสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิในที่ดินทำกิน สั่งปิดสถานีวิทยุ 15 แห่ง องค์กรภาคเอกชน 1 แห่ง และใช้มาตรการทางภาษีกดดันจนหนังสือพิ���พ์อิสระต้องปิดตัว รวมถึงบังคับใช้คำสั่งใหม่ว่าด้วยการกำกับดูแลสื่อมวลชนภายในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบกิจการสื่อมวลชนประเภทต่างๆ ในกัมพูชาต้องต่อใบอนุญาตทุก 3 เดือน
ด้านฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนได้ออกแถลงการณ์ว่า สถานการณ์ทางการเมืองในกัมพูชาเลวร้ายลงเรื่อยๆ หลังมีการจับกุมผู้นำและสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน CNRP มีการตั้งข้อหาและดำเนินคดีผู้เห็นต่าง รวมถึงปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชน เข้าข่ายการใช้อำนาจและกลไกทางกฎหมายแทรกแซง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในปีหน้า และรัฐบาลกัมพูชาจะต้องทบทวนท่าทีดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
นางโรนา สมิธ ผู้แทนพิเศษแห่งสหประชาชาติประจำกัมพูชา ระบุต่อที่ประชุม UNHRC เมื่อเดือนที่แล้วว่า องค์กรหรือสถาบันที่เคลื่อนไหวสนับสนุนประชาธิปไตยในกัมพูชาตกอยู่ในภาวะล่อ แหลม เพราะมีความพยายามแทรกแซงและละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลกัมพูชาจะต้องปรับปรุงแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมปีหน้า