ผู้บริหารเครือ SCG เตรียมลงนามซื้อถ่านหินจากสหรัฐฯ กว่า 1 แสน 5 หมื่นตัน ระบุถ่านหินมีคุณภาพดี คุ้มค่าต่อการลงทุน ขณะที่รัฐมนตรีพลังงาน เผยการซื้อถ่านหิน เป็นการตัดสินใจของเอกชนเองว่าจะเลือกซื้อจากใคร
ระหว่างพบปะกับภาคเอกชนไทย และสภาหอการค้าสหรัฐฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้กล่าวถึงภาพรวมการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าเป็นไปด้วยความราบรื่น พร้อมยืนยันรัฐบาลยินดีสนับสนุนการดำเนินงานของเอกชนทั้งสองประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน
ภายหลังการหารือ นายกลินทร์ สารสิน กรรมการบริษัท เอสซีจี เทรดดิ้ง จำกัด ได้ชี้แจงกรณีการซื้อถ่านหินจากสหรัฐฯ ว่า เอสซีจี เตรียมลงนามซื้อถ่านหินจากภาคเอกชนสหรัฐฯ 2 ฉบับ รวม 155,000 ตัน เพื่อใช้ในการผลิตปูนซีเมนต์ และทดแทนการซื้อถ่านหินจากอินโดนีเซีย ที่ปัจจุบันอินโดนีเซียมีความต้องการใช้ถ่านหินสูงขึ้น จึงต้องมองหาแหล่งถ่านหินใหม่ ซึ่งถ่านหินจากสหรัฐฯ มีคุณภาพดีและคุ้มค่าต่อการลงทุน คาดว่าจะนำเข้ามาไทย ภายในเดือนเมษายนปีหน้า(61)
นายกลินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน เอสซีจี นำเข้าถ่านหิน ประมาณ 6 ล้านตัน แต่หากถ่านหินที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ใช้งานได้ดี ก็จะกระจายส่งเครือข่ายโรงงานเอสซีจีในต่างประเทศที่มีอยู่ประมาณ 7-8 ประเทศด้วย อาทิ เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม
ด้านพลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับบริหารเอสซีจี ซึ่งเป็นเรื่องธุรกิจ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเอกชนว่าต้องการซื้อถ่านหินจากใคร กระทรวงพลังงานมีหน้าที่เพียงกำกับดูแลเรื่องมาตรฐาน พร้อมระบุความต้องการถ่านหินในประเทศ ไม่ได้ใช้เฉพาะในโรงไฟฟ้า แต่รวมถึงภาคอุตสาหกรรมด้วย ส่วนเหตุผลการตัดสินใจเลือกซื้อจากสหรัฐฯ อาจเป็นเพราะต้นทุนที่ถูกกว่า
ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานอาวุโสหอการค้าไทย กล่าวว่า การซื้อถ่านหินจากสหรัฐฯ ไม่ได้ใช้เฉพาะในประเทศ แต่สามารถนำมาขายต่อให้ประเทศอื่นได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับอัตราค่าขนส่งเป็นหลัก หากค่าขนส่งแพง ก็จะหันไปค้ากับประเทศที่ไทยทำสัญญาอยู่แล้ว เช่น ญี่ปุ่น หรืออินโดนีเซีย
รายงานโดย เบญจมาศ วิถี