ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงในงานดนตรีที่นครลาสเวกัสของสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 50 รายแล้ว โดยเจ้าหน้าที่เผยว่าผู้ก่อเหตุกราดยิงลงมาจากชั้น 32 ของโรงแรมในบริเวณที่จัดงาน
เกิดเหตุกราดยิงที่งานดนตรีคันทรีกลางแจ้ง Route 91 Harvest Festival ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมมัณฑะเลย์เบย์ ในนครลาสเวกัส มลรัฐเนวาดาของสหรัฐฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 50 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 200 ราย ทั้งยังเป็นเหตุกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ แซงหน้าเหตุกราดยิงและจับตัวประกันไนท์คลับที่เมืองออร์แลนโด มลรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 49 ราย
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อความผ่านทวิตเตอร์หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเขาได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ได้ รับผลกระทบทั้งหมด พร้อมอวยพรขอให้พระเจ้าคุ้มครองทุกคน
โดยเว็บไซต์ดิอินดีเพนเพนท์รายงานว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายสตีเฟน แพดด็อค ชาวเมืองลาสเวกัส ซึ่งเป็นชายผิวขาววัย 64 ปี แต่เขาถูกเจ้าหน้าที่ยิงวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22.30 นาทีของวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาประมาณ 12.30 น.ของวันนี้ (2 ตุลาคม) ตามเวลาในประเทศไทย
เดอะไทม์ สื่อของสหรัฐฯ รายงานว่าผู้เข้าร่วมงานคอนเสิร์ตได้ยินเสียงปืนดังขึ้นในรอบแรก แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเสียงจุดประทัด จนกระทั่งมีการกราดยิงครั้งที่ 2 ผู้ร่วมงานคอนเสิร์ตจึงเริ่มแตกตื่นวิ่งหนีและหาที่หลบภัย และผู้อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่งระบุว่าเสียงปืนดังอยู่นานประมาณ 5 นาที ส่วนนายโจเซฟ ลอมบาร์โด นายอำเภอในเขตคลาร์กเคาน์ตี้ ผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่ คาดว่าผู้ก่อเหตุลงมือเพียงลำพัง โดยเขากราดยิงลงมาจากห้องพักชั้น 32 ของโรงแรม และหน่วยเฉพาะกิจได้นำกำลังขึ้นไปสกัดและยิงสังหารผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจค้นห้องพักเพิ่มเติมก็พบอาวุธปืนไรเฟิลอีกจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่อาจระบุแรงจูงใจในการก่อเหตุได้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานด้วยว่า 'แมรีลู แดนลีย์' ผู้หญิงซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องกับผู้ก่อเหตุ หลบหนีไปโดยรถยนต์ แต่ตำรวจสามารถระบุพิกัดที่อยู่ของแดนลีย์ได้แล้ว โดยสื่อสหรัฐฯ รายงานว่าแดนลีย์เป็นหญิงชาวเอเชียที่เคยเป็นพนักงานในคาสิโนแห่งหนึ่งในลาสเวกัส และขณะนี้ข้อมูลส่วนตัวของเธอในเฟซบุ๊กถูกลบไปแล้ว
ส่วนเที่ยวบินที่จะเดินทางมายังท่าอากาศยานลาสเวกัสหลายเที่ยวบินได้ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางไปลงจอดที่สนามบินอื่นแทน และท่าอากาศยานแมคแคแรนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ระงับให้บริการระยะหนึ่ง ก่อนจะกลับมาให้บริการตามปกติ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้คล้ายคลึงกับกรณีที่กลุ่มติดอาวุธไอเอสก่อเหตุกราดยิงโจมตีงานแสดงคอนเสิร์ตของวงดนตรีร็อคเชื้อสายอเมริกันที่โรงละครบาตากล็อง ในกรุงปารีสของฝรั่งเศส เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015 รวมถึงเกิดเหตุระเบิดและกราดยิงด้านนอกโรงละคร ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 130 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: