เกิดเหตุคนร้ายใช้มีดแทงหญิงสาว 2 รายเสียชีวิต ที่บริเวณสถานีรถไฟในเมืองมาร์กเซยของฝรั่งเศส โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการก่อการร้าย ขณะที่กลุ่มไอเอสได้ออกมาประกาศว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดไล่แทงผู้คนที่สถานีรถไฟแซงต์ ชาร์ลส์ ในเมืองมาร์กเซยของฝรั่งเศส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นหญิงสาววัย 17 และ 20 ปี โดยรายหนึ่งถูกกรีดที่บริเวณลำคอเป็นแผลยาว ส่วนอีกรายหนึ่งถูกแทงที่ท้อง ส่วนคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนวิสามัญฆาตกรรมเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ทหารที่ประจำการบริเวณสถานีรถไฟแซงต์ ชาร์ลส์เปิดเผยว่า คนร้ายที่ลงมือก่อเหตุเป็นชายชาวแอฟริกาเหนือ อายุประมาณ 30 ปี โดยก่อนลงมือก่อเหตุ คนร้ายได้ร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า คนร้ายรายนี้อายุประมาณ 20 กว่าปี และมีประวัติอาชญากรรมไม่ร้ายแรง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นการก่อการร้าย และกำลังเร่งสืบสวนหาแรงจูงใจของคนร้ายต่อไป
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสระบุว่า คนร้ายที่ลงมือก่อเหตุรายนี้ได้หลบหนีไปหลังจากแทงเหยื่อรายแรก จากนั้นได้ย้อนกลับมายังที่เกิดเหตุ เพื่อลงมือสังหารเหยื่อรายที่ 2 และวิ่งตรงไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่เพิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ ขณะที่นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวประณามเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ทำให้เขารู้สึกขยะแขยง
หลังเกิดเหตุ สำนักข่าวอามัค สื่อของกลุ่มติดอาวุธไอเอสได้ออกแถลงการณ์บนโซเชียลมีเดียระบุว่า นักรบของกลุ่มไอเอสอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ พร้อมระบุว่า นักรบไอเอสรายนี้ได้ลงมือเพื่อตอบสนองต่อคำเรียกร้องของกลุ่มไอเอส ที่ขอให้กลุ่มผู้สวามิภักดิ์ต่อไอเอสโจมตีประเทศที่เข้าร่วมปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ของกลุ่มไอเอสไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อของคนร้าย หรือระบุถึงความเชื่อมโยงของคนร้ายกับกลุ่มไอเอสแต่อย่างใด
เมื่อเดือนที่แล้ว เกิดเหตุหญิงวัย 41 ปี ที่มีอาการผิดปกติทางจิตก่อเหตุสาดน้ำกรดใส่นักศึกษาชาวอเมริกัน 4 คน ที่สถานีรถไฟแซงต์ ชาร์ลส์ อย่างไรก็ตาม ตำรวจระบุว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่ใช่การก่อการร้าย ส่วนคนร้ายได้ถูกจับกุมและส่งตัวเข้ารับการบำบัดที่โรงพยาบาล
เรียบเรียงโดย: สลิสา ยุกตะนันทน์