ศาลฎีกายกคำร้องกรณีที่ทนายความ 'สุพจน์' อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ยื่นคำร้องขอส่งเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของ ป.ป.ช. ที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เมื่อปี 2555 ว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
ศาลแพ่งนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา ที่ทนายความของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ยื่นคำร้องขอส่งเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของ ป.ป.ช. ในการยื่นฎีกาคดีหมายเลขดำ ปช.1/2555 ที่อัยการสูงสุด เป็นผู้ร้อง นายสุพจน์ ผู้คัดค้าน ขอให้ทรัพย์สินของนายสุพจน์ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ชี้มูลความผิด เมื่อปี 2555 ว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
โดยวันนี้ (13 ก.ย.) ศาลได้นัดฟังคำสั่งกรณีที่ นายทิวา การกระสัง ทนายความของนายสุพจน์ ยื่นขอส่งเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพย์สิน เพื่อให้ศาลฎีกาประกอบการพิจารณาคดี ขณะเดียวกันอัยการผู้ร้องก็ยื่นหนังสือคัดค้าน ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเอกสารการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินฯ ผู้คัดค้านทราบเกี่ยวกับเอกสารดังกล่าวดีอยู่แล้ว แต่ผู้คัดค้านก็ไม่ได้นำมายื่นเพื่อสืบในศาลชั้นต้น คำร้องของผู้คัดค้านไม่มีผลต่อการพิจารณาคดีให้ยกคำร้อง
ด้าน นายทิวา เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการยื่นเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีการตรวจสอบทรัพย์สินของนายสุพจน์ เมื่อปี 2544 - 2550 ที่เคยยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช.และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบว่าถูกต้องแล้ว โดยศาลเห็นว่าเอกสารดังกล่าวนายสุพจน์ทราบอยู่แล้วแต่ไม่ได้ดำเนินการยื่นไว้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น จึงให้ยกคำร้อง โดยตนเพิ่งเข้ามาเป็นทนายความในชั้นศาลฎีกา ส่วนศาลชั้นต้นนั้นได้ขอเอกสารเกี่ยวกับบัญชีการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินจาก ป.ป.ช. แต่ขณะนั้น ป.ป.ช.ยังไม่ได้ให้เอกสารมา จึงไม่ได้ยื่นต่อศาลไปตั้งแต่แรก ซึ่งการที่ศาลยกคำร้องไม่รับเอกสารเกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มเติมในส่วนนี้ ไม่มีผลอะไร เป็นการยื่นตามสิทธิของฝ่ายผู้คัดค้าน เข้าใจว่าศาลอาจจะไม่รับก็ได้หลังจากนี้ก็คงต้องรอฟังคำพิพากษาศาลฎีกาจะออกมาอย่างไร
ส่วนคดียื่นทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จของนายสุพจน์ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.ย.นี้ เวลา 09.30 น. นายทิวา กล่าวว่า เป็นในส่วนของเงินสดจำนวน 17 ล้านบาท ที่นายสุพจน์ถูกโจรปล้นบ้าน แต่ไม่ได้ยื่นไว้กับ ป.ป.ช. เพราะนายสุพจน์ ระบุว่าเป็นเงินค่าสินสอดในการแต่งงานของบุตรสาว ซึ่ง ป.ป.ช.ไม่เชื่อ โดยนายสุพจน์ จะต้องเดินทางไปฟังคำพิพากษาด้วย ขณะที่อัตราโทษสูงสุดในคดีนี้จำคุกไม่เกิน 5 ปี ซึ่งขณะนี้นายสุพจน์ ได้รับการประกันตัว