ไม่พบผลการค้นหา
พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ถูกคำสั่งย้ายไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับ การตำรวจนครบาล 1 เป็นเวลา 30 วัน มีผลตั้งแต่วันนี้ (3 ก.ย.60) เหตุทำสำนวนคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ  มีหลักฐานไม่เพียงพอจนถูกสั่งไม่ฟ้อง 

พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ถูกคำสั่งย้ายไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับ การตำรวจนครบาล 1 เป็นเวลา 30 วัน มีผลตั้งแต่วันนี้ (3 ก.ย.60) เหตุทำสำนวนคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ  มีหลักฐานไม่เพียงพอจนถูกสั่งไม่ฟ้อง 

หนังสือคำสั่งเลขที่ 201/2560 ลงวันที่ 2 กันยายน 2560 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ด้วยกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 มีเหตุผลความจำเป็นในการให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน ภายในสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อให้การบริหารราชการในภาพรวม ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ  

ในหนังสือฉบับนี้ มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1  เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจ มอบหมายและให้ พ.ต.อ.สมศักดิ์ชัย อมรส่งเจริญ รองผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 รักษาราชการแทนตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพญาไท อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งเดิม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เป็นเวลา 30 วัน หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ลงนามคำสั่งนี้โดย พล.ต.ต.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี ผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1

ทั้งนี้มีรายงานว่าคำสั่งย้ายนี้ สาเหตุมาจากการทำสำนวนคดีทัวร์ศูนย์เหรียญโดยมีหลักฐานไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้ศาลสั่งไม่ฟ้อง
        
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอ่านคำพิพากษาคดี "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" ข้อหาฐานเป็นอั้งยี่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ร.บ.นำเที่ยวและมัคคุเทศก์ โดยฟ้องว่านำนักท่องเที่ยวจากจีนจำนวนมากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยลักษณะทัวร์ต้นทุนต่ำ ไม่มีค่าใช้จ่าย จากนั้นบังคับให้นักท่องเที่ยวซื้อสินค้าจากบริษัทฯและกิจการในเครือของจำเลยทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับความเสียหายนับหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการกระทำลักษณะอั้งยี่ มีเงินหมุนเวียนหลายหมื่นล้านบาท มีการนำเงินจากนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าราคาสูงเกินจริงไปฟอกเงิน ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

ทั้งนี้ศาลเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษพวกจำเลยตามความผิดที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องได้พิพากษายกฟ้อง

 

รายงานโดย ณัฐชาพรรณ โชติสิริพรฤทธิ์

 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog