นักวิเคราะห์การเมืองชี้อนาคตการเมืองหลังยิ่งลักษณ์ไม่มาฟังคำตัดสิน มวลชนฝั่งประชาธิปไตยจะแยกตัวจากจากเพื่อไทย รัฐบาล/กองทัพอยู่ยาว
ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข นักวิเคระห์ของวอยซ์ทีวีกล่าวในรายกาพิเศษ “พิพากษาจำนำข้าว” ระบุว่าการที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไม่เดินทางมาฟังคำตัดสินคดีจำนำข้าวในวันนี้ว่า จะไม่ส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย และตัวของน.ส. ยิ่งลักษณ์มากนัก โดยมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการตัดสินใจกระทันหัน และเชื่อว่าการเมืองข้างหน้าไม่ต่างจากกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่มาฟังคำตัดสินคดีเช่นกัน
ทั้งนี้เห็นว่าการไม่มาฟังคำตัดสินของ น.ส. ยิ่งลักษณ์จะเป็นผลดีทางการเมืองต่อรัฐบาลมากกว่า ขณะที่หากเดินทางมาฟังคดี แล้วถูกศาลตัดสิน ไม่ว่าผิดหรือไม่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ก็จะเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม
ในมุมชนชั้นนำ นายชูวัสเห็นว่า อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณในฐานะนักธุรกิจ พี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็อาจจะคาดคำนวนทางการเมืองว่าการเลือกทำเช่นนี้ จะเป็นการประนีประนอมกับ คสช. และอาจจะมีทางออกหลายทาง แต่ถ้ายิ่งลักษณ์ติดคุก ทางออกก็จะเหลือแค่ไม่กี่ทาง ส่วนการคาดการณ์ว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ไม่ม่ฟังคำตัดสินวันนี้เเพื่อจะรอฟังคำตัดสินคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งมีนาบบุญทรง เตริยาภิรมณ์และพวกเป็นจำเลยก่อน ก็เป็นไปได้เช่นกัน
นายอธึกกิต แสวงสุข หรือใบตองแห้ง กล่าวถึงความรู้สึกของมวลชนที่มีต่อยิ่งลักษณ์ว่าจะเปลี่ยนหรือไม่นั้น เขาเห็นว่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นกลุ่มปัญญาชนหัวก้าวหน้า ขณะที่มวลชนทั่วไปแทบจะไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกมากนัก และเชื่อว่าการที่ยิ่งลักษณ์ไม่มาศาลก็ไม่ได้ส่งผลต่อความนิยมของไทยรักไทยและประชาธิปัตย์มากนัก และเชื่อว่าขั้วอำนาจทางการเมืองก็จะสบายใจด้วย ในมุมแบบนี้ ไม่กระทบต่อความนิยมของพรรคเพื่อไทยในระยะสั้นมากนัก แต่ในระยะยาว ตระกูลชินวัตร ต้องถอยจากการเมืองโดยอัตโนมัต เป็นการยอมแพ้ทางการเมือง
“คนจำนวนมากหวังให้คุณยิ่งลักษณ์เป็นอองซาน ซูจี แต่เมื่อเขาไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ เขาไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เมื่อเขาตัดสินใจอย่างนั้นแล้วแปลว่าเขาถอย และเมื่อถอยแล้ว ภาพลักษณ์ของตระกูลชินวัตรก็จะต้องถอยไป และเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ๆ” นายอธึกกิตกล่าว
นายอธึกกิตกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม โดยโครงสร้างทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญใหม่นั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าใครจะเป็นรัฐบาลซึ่งก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์
ส่วนของมวลชนก็จะมีอิสระขึ้น คนที่เรียกร้องประชาธปิไตย คนที่ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ขบวนการนักศึกษา นักวิชาการต่างๆ ก็จะมีระยะห่างจากพรรคเพื่อไทยมากขึ้น ในอีกมุมหนึ่ง หลายคนเชื่อว่า อำนาจปัจจุบันจะอยู่นาน ก็จะต้องพิสูจน์ผลงานกันต่อไป
