ศาลเกาหลีใต้ตัดสินจำคุก 5 ปีทายาทบริษัทซัมซุง ฐานติดสินบนและข้อหาอื่นๆ จากการบริจาคเงินให้กับมูลนิธิของเพื่อนสนิทอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการขอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนการควบรวมกิจการของบริษัทในเครือ แต่ทนายความฝ่ายจำเลยเตรียมยื่นอุทธรณ์โดยเร็วที่สุด
ศาลชั้นต้นของเกาหลีใต้ตัดสินให้นาย อีแจยอง ทายาทบริษัทซัมซุงของเกาหลีใต้ ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ รับโทษจำคุก 5 ปี หลังมีความผิดฐานติดสินบน ฉ้อโกง ปิดบังสินทรัพย์ในต่างประเทศ ให้การเท็จและข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริจาคเงินให้กับมูลนิธิของนางชเวซุนซิล เพื่อนสนิทของนางสาวพักกึนเฮ อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งนางชเวถูกตัดสินความผิดในคดีทุจริตและหาผลประโยชน์ส่วนตัวด้วยการแอบอ้างชื่อนางสาวพักไปก่อนหน้านี้แล้ว
คำตัดสินของศาลระบุว่า นายอีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดสินบนจำนวน 7,200 ล้านวอน หรือ 212 ล้านบาท ให้แก่มูลนิธิการกุศลที่นางชเวตั้งขึ้น โดยเงินจำนวนหนึ่งถูกใช้เป็นเงินสนับสนุนคอร์สเรียนขี่ม้าของลูกสาวของนางชเว เพื่อแลกเปลี่ยนกับการวิ่งเต้นให้รัฐบาลอนุมัติการควบรวมกิจการของบริษัทในเครือซัมซุงเมื่อปี 2015 ซึ่งมีผู้มองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้นายอีรวบอำนาจในการบริหารกิจการเครือซัมซุงได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายอียืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา และทนายความของนายอีจะยื่นอุทธรณ์โดยเร็วที่สุด พร้อมย้ำว่าคำตัดสินคดีในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และเขาจะพิสูจน์ให้ได้ว่านายอีเป็นผู้บริสุทธิ์ ขณะที่สื่อหลายสำนักรายงานว่าบทลงโทษจำคุก 5 ปีถือว่านานที่สุดแล้วสำหรับผู้กระทำผิดที่เป็นนักธุรกิจขนาดใหญ่
ส่วนผู้สนับสนุนนางสาวพักกึนเฮ อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชุมนุมด้านหน้าศาลเพื่อติดตามฟังคำตัดสินคดีนายอีอย่างใกล้ชิด เพราะการที่ศาลพิพากษาว่านายอีมีความผิด จะส่งผลกระทบต่อนางสาวพักเช่นกัน เพราะนางสาวพักถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตและรับเงินสินบนโดยเกี่ยวพันกับนางชเวซึ่งเป็นเพื่อนสนิท แต่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดีประเมินว่าจะเริ่มกระบวนการพิจารณาคดีของนางสาวพักได้ช่วงประมาณปลายปีนี้
คำตัดสินจำคุกนายอีส่งผลให้หุ้นซัมซุงตก 1.5 จุด แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่ากิจการในเครือซัมซุงจะไม่ได้รับผลกระทบไปมากกว่านี้ เพราะนับตั้งแต่นายอีถูกจับกุมเมื่อ 6 เดือนก่อน ธุรกิจต่างๆ ของซัมซุงก็ยังดำเนินต่อไปได้ ทั้งยังมีรายได้อยู่ในเกณฑ์ดีหลังจากเปิดตัวโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นแกแล็กซี่ S8 ทำให้บริษัทฟื้นตัวหลังจากเกิดกรณีแกแล็กซี่โน้ต 7 มีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่
อย่างไรก็ตาม ซัมซุงเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลอย่างมากในเกาหลีใต้ ทำให้ซัมซุงตกเป็นเป้าโจมตีจากหลายฝ่ายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมองว่าเป็นกลุ่มทุนที่ร่วมมือกับกลุ่มการเมืองเพื่อผูกขาดด้านเศรษฐกิจ โดยอาศัยนโยบายของรัฐบาลเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกิจการเอกชนรายใหญ่ ในขณะที่กิจการของผู้ค้ารายย่อย ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ไม่สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้ ก็ต้องปิดตัวเองไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: